อุตสาหกรรมสุราในบังกลาเทศ ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ

     กลิ่นหอมหวานของเหล้า ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณโรงกลั่น ที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา... โรงงานกลั่นสุราเพียงแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตในบังกลาเทศ ซึ่งเป็นกิจการของรัฐที่มีกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ ในประเทศมุสลิมส่วนใหญ่แห่งนี้ ในขณะที่กลุ่มอิสลามหัวอนุรักษนิยม เริ่มกลับมามีอิทธิพลทางการเมืองอีกครั้ง

     ความสำเร็จนี้ถือว่าน่าประหลาดใจ เพราะประชากรส่วนใหญ่กว่า 170 ล้านคนในประเทศนี้ ถูกห้ามไม่ให้ขายสุราแก่ลูกค้าโดยตรง

     บังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการควบคุมแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด

     กรรมการผู้จัดการ "ราบบิก ฮาซัน" ของ บริษัท "Carew and Co" กล่าวว่า "บริษัทของเรา ก่อตั้งขึ้นภายใต้การปกครองของอังกฤษ เมื่อ 87 ปีก่อน มีกำไรถึง 10 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2024–2025 และ เราก็ได้จ่ายภาษีให้ภาครัฐ ในจำนวนเท่ากัน..." และ "นี่คือกำไรสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา ซึ่งเราคาดว่าเราจะเติบโตต่อไปในปีหน้า!!"

บังกลาเทศเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายมาไม่นาน
     การลุกฮือครั้งใหญ่ เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ได้โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการของ "ชีค ฮาซินา" ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และ มีท่าทีแข็งกร้าวต่อขบวนการอิสลาม ระหว่างการปกครองยาวนานกว่า 15 ปี และ หลังจากเธอลี้ภัยไปยังอินเดีย โดยไม่ยอมกลับมารับการไต่สวน ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงได้เริ่มมีบทบาทเพิ่มขึ้น

     ถึงแม้แอลกอฮอล์จะถูกห้าม ตามหลักศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังไม่ตกเป็นเป้าการโจมตีของกลุ่มเหล่านี้ ทว่า พวกเขาได้เรียกร้องให้จำกัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ถือว่า "ขัดต่อหลักอิสลาม" เช่น งานดนตรี เทศกาลละคร การแข่งขันฟุตบอลหญิง และ งานชักว่าว

     รัฐบาลเฉพาะกาลกำลังนำพาประเทศ ไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2026

     แต่ที่โรงงานขนาดใหญ่ ในเมืองดาร์ซานา ที่อยู่ใกล้ชายแดนอินเดีย เครื่องจักรก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง

     "ราบบิก ฮาซัน" กล่าวอีกว่า "แบรนด์ยอดนิยมของบริษัทเรา มีตั้งแต่ "อิมพีเรียล วิสกี้" สีทองอร่าม ไปจนถึง "ซาริน่า วอดก้า" ที่กลั่นจากอ้อย และ แต่งกลิ่นให้เหมือนว่า พวกมันถูกนำเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์" และ "เราไม่ได้สนับสนุนให้ใครดื่ม เพียงแต่จำหน่ายให้กับผู้ที่ดื่มอยู่แล้วเท่านั้น"

     การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบังกลาเทศ ต้องใช้ใบอนุญาตจากรัฐบาล ซึ่งออกให้เฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 21 ปี และ ส่วนใหญ่จำกัดให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม โดยต้องมีใบสั่งแพทย์ประกอบ

     อธิบดีกรมควบคุมยาเสพติด "ฮาซัน มารูฟ" กล่าวว่า "แอลกอฮอล์ถือเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบางชุมชน..." และ "กลุ่มเหล่านั้นรวมถึงชาวต่างชาติ และ คนงานในสวนชา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 150,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู ที่นิยมดื่มสุราราคาย่อมเยา" และ "ประชากรในประเทศประมาณ 10% ของบังกลาเทศ ไม่ใช่ชาวมุสลิม พวกเขาส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู"

อ้างอิง : https://www.freemalaysiatoday.com/category/world/2025/11/12/bangladeshs-liquor-industry-a-surprising-success