ชาวชายแดนลุกฮือ! หวั่นไทยเสีย “ปราสาทตาควาย” ถาวรเรียกร้องรัฐบาล-ทหารไทยยืนหยัดปกป้องแผ่นดิน

ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชายังคงเป็นประเด็นที่ทำให้พี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังมีกระแสข่าวว่า ไทยอาจต้อง “เสียดินแดน” บริเวณปราสาทตาควายให้แก่กัมพูชาอย่างถาวร

ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มออกมาแสดงจุดยืนชัดเจน ว่าพวกเขา “ไม่เชื่อใจ” ฝั่งกัมพูชา แม้ว่าจะมีภาพการถอนกำลังและเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนถูกเผยแพร่ออกมา แต่ชาวบ้านกลับมองว่านั่นอาจเป็นเพียง “การแสดงลวงตา” เพื่อสร้างภาพเท่านั้น

หลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ติดแนวชายแดนเปิดใจตรงกันว่า พวกเขารู้สึกอุ่นใจเมื่อมีทหารไทยอยู่ในพื้นที่ และไม่ต้องการให้กองทัพถอนกำลังออก เพราะเกรงว่าสถานการณ์อาจกลับมาปะทุได้อีก หากไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดจากฝ่ายไทย

“เรายังไม่มั่นใจในคำพูดของกัมพูชา ถ้าไทยถอยก่อน ใครจะรับประกันว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับมาอีก”

— เสียงจากชาวบ้านบ้านหนองจาน จังหวัดสุรินทร์

ด้าน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาขอโทษประชาชนอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยหลุดปากพูดถึงเรื่อง “ไทยรุกล้ำแดนกัมพูชา” โดยยอมรับว่าเป็น “ความบกพร่องทางการสื่อสาร” พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า รัฐบาลไทยจะไม่มีวันยอมให้ประเทศต้องเสียดินแดนอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดหรือปิดด่านชายแดน จะต้องฟังเสียงประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก และจะไม่ตัดสินใจโดยพลการ

อย่างไรก็ตาม ความไม่ไว้วางใจยังคงดำเนินอยู่ โดยเฉพาะจาก กลุ่ม คปท. (เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย) ที่ออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา กลุ่ม คปท. ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์ “การปักหมุดชายแดน” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ อย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลไทยจึงดูเหมือน “อ่อนข้อ” ให้กับกัมพูชาในหลายประเด็น

ภาคประชาชนจึงได้ส่งเสียงเตือนไปยังรัฐบาล ว่าจะต้อง “รักษาคำพูด” ที่ให้ไว้กับคนไทยทั้งประเทศ และต้องยืนหยัดปกป้องผืนแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยประวัติศาสตร์อีกต่อไป

 “แผ่นดินไทยคือศักดิ์ศรีของคนไทยทั้งชาติ เราไม่ยอมให้ใครมาล้ำเส้นแม้แต่คืบเดียว”

— ตัวแทนภาคประชาชนกล่าวอย่างหนักแน่น