หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดราม่าตีกลับ! “บอสณวัฒน์” ยังไม่ยอม แม้ “กัน จอมพลัง” โอนเงินคืนแล้ว ชาวเน็ตเสียงแตก

โพสท์โดย bbb1236555

🔥 ดราม่าระอุ! "บอสณวัฒน์" เจอกระแสตีกลับสนั่นโซเชียล หลัง "กัน จอมพลัง" โอนเงินคืน 5 หมื่นแต่เจ้าตัวยังไม่รับ – ย้ำชัด "ต้องคืนจากมูลนิธิเท่านั้น" – ชาวเน็ตจวกยับ “กัดไม่ปล่อย”

เรียกว่าเป็นประเด็นดราม่าที่กำลังร้อนแรงในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่าง “บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” พิธีกรและผู้บริหารเวทีนางงามชื่อดัง กับ “กัน จอมพลัง” (นายกัณฐ์ศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์) นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสังคมที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยมีการพูดถึงเรื่องเงินบริจาคช่วยเหลือชายแดนไทย จนเกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน และนำไปสู่การเปิดศึกผ่านโซเชียล

ล่าสุด ดูเหมือนว่าประเด็นนี้จะยังไม่จบลงง่ายๆ แม้ กัน จอมพลัง จะออกมาแสดงเจตนาชัดเจน ด้วยการ โอนเงินจำนวน 50,000 บาท คืนให้กับบอสณวัฒน์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยุติความเข้าใจผิด แต่เรื่องราวกลับบานปลายอีกครั้ง เมื่อบอสณวัฒน์ออกมาปฏิเสธ ไม่ขอรับเงินดังกล่าว เพราะยืนยันว่าต้องการให้โอน “จากมูลนิธิเท่านั้น” ไม่ใช่จากบัญชีส่วนตัวของกัน จอมพลัง

คำพูดนี้เอง กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดกระแสตีกลับจากโลกโซเชียลอย่างรุนแรง ชาวเน็ตจำนวนมากพากันตั้งคำถามถึงเจตนาของบอสณวัฒน์ ว่าทำไมเรื่องที่กันจอมพลังยอมคืนเงินส่วนตัวแล้ว ยังไม่ยอมรับและยังโพสต์ต่อเนื่องไม่หยุด

 

💸 จุดเริ่มต้นของดราม่า “เงินบริจาคชายแดน”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ บอสณวัฒน์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงเงินบริจาคที่ส่งให้กับโครงการช่วยเหลือชายแดน ซึ่งเกี่ยวข้องกับมูลนิธิของกัน จอมพลัง โดยระบุว่า ต้องการขอเงินคืนเนื่องจากไม่มั่นใจในความโปร่งใสของการจัดการ และไม่ต้องการให้ชื่อของตนเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน มีผู้แชร์ต่อจำนวนมาก และมีกระแสสนับสนุนทั้งสองฝั่ง บางส่วนเห็นด้วยกับบอสณวัฒน์ที่ต้องการความโปร่งใส และต้องการให้ทุกบาททุกสตางค์จากการบริจาคมีที่มาที่ไปชัดเจน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งกลับมองว่า การโพสต์ในลักษณะนี้อาจทำให้ชื่อเสียงของกัน จอมพลังและมูลนิธิเสียหาย

เพื่อตัดปัญหา กัน จอมพลัง จึงตัดสินใจโอนเงินจำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของเขาเองคืนให้ทันที พร้อมโพสต์สลิปยืนยันลงในเพจและบัญชีส่วนตัว พร้อมข้อความระบุว่า

“ผมได้โอนเงินคืนให้คุณณวัฒน์แล้วตามที่ร้องขอ เป็นเงินส่วนตัวของผมเอง เพื่อให้เรื่องนี้จบลง และเพื่อไม่ให้กระทบกับมูลนิธิที่ผมดูแลอยู่ครับ”

 

🧾 “บอสณวัฒน์” ไม่รับเงิน – ย้ำต้องคืนจากมูลนิธิเท่านั้น

หลังจากโพสต์ดังกล่าวออกมาไม่นาน บอสณวัฒน์ก็ได้ออกมาโพสต์ตอบกลับเช่นกัน โดยชี้แจงว่า ตนไม่ได้มีปัญหากับตัวบุคคล แต่ยืนยันว่าจะไม่รับเงินคืนจากกัน จอมพลังในนามส่วนตัว เพราะเงินบริจาคดังกล่าวได้บริจาคให้ “มูลนิธิ” ไม่ใช่ตัวบุคคล ดังนั้น เงินที่คืนมาควรต้องมาจาก “มูลนิธิ” เท่านั้น เพื่อให้มีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถบันทึกบัญชีได้อย่างถูกต้อง

 “ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีของคุณกัน แต่ผมไม่สามารถรับเงินนี้ได้ เพราะมันไม่ถูกต้องตามหลักการ เงินนี้บริจาคให้มูลนิธิ ไม่ใช่ส่วนตัวของใคร การคืนก็ต้องมาจากมูลนิธิเช่นกัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง”

ข้อความดังกล่าวได้รับเสียงแตกจากโลกออนไลน์ บางคนมองว่าบอสณวัฒน์มีเหตุผลที่ถูกต้องตามหลักบัญชีและกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกัน อีกกลุ่มกลับมองว่า “การไม่ยอมรับเงินคืน” เป็นการทำให้เรื่องที่ควรจบ กลับกลายเป็นการต่อไฟให้ประเด็นนี้ยิ่งบานปลาย

 

โซเชียลเดือด! ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ “กัดไม่ปล่อย”

หลังจากโพสต์ของบอสณวัฒน์ถูกเผยแพร่ไปในวงกว้าง ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม จนเกิดแฮชแท็กพูดถึงกันสนั่นโลกออนไลน์ บางคนถึงขั้นออกมาแซะว่า “เพิ่งเคยเห็นคนทำบุญแล้วขอเงินคืน”

เสียงวิจารณ์จำนวนหนึ่งกล่าวว่า การที่กัน จอมพลังโอนเงินคืนให้ส่วนตัวแล้ว ควรถือว่าเรื่องจบ เพราะเงินก้อนนั้นก็ได้กลับคืนสู่มือเจ้าของแล้ว

คอมเมนต์ยอดนิยมบางส่วนระบุว่า:

“กัดไม่ปล่อยจริง ๆ คืนแล้วก็ควรจบได้แล้วนะคะ”

“เพิ่งเคยเห็นคนทำบุญแล้วขอเงินคืน นี่แหละวงการไทย”

“เงินที่บริจาคเขาเอาไปช่วยคนจริง ๆ แล้วค่ะ ตอนนี้เขาคืนให้คุณก่อนแล้ว จะยืดยาวไปถึงไหน”

“ถ้ายังไม่พอใจอีก สังคมจะเริ่มมองว่าคุณแค่ต้องการดราม่า”

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่ออกมาปกป้องบอสณวัฒน์ โดยให้เหตุผลว่า การไม่รับเงินคืนส่วนตัวนั้นมีความถูกต้องตามหลักการ และเป็นการป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

🧠 ฝ่ายสนับสนุน “บอสณวัฒน์”: โปร่งใสต้องมาก่อน

อีกมุมหนึ่งในโลกออนไลน์ มีผู้สนับสนุนบอสณวัฒน์จำนวนไม่น้อยที่มองว่า เขาเพียงต้องการรักษาหลักการ และความถูกต้องในการบริหารเงินบริจาค

มีคอมเมนต์หนึ่งที่ได้รับการกดถูกใจกว่าหลายพันครั้ง ระบุว่า “สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจนะคะ เขาไม่ได้เรื่องมาก แต่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมูลนิธิที่อาจมีปัญหาในอนาคต ถ้าวันหนึ่งมีคดีความขึ้นมา คนที่โอนหรือรับเงินอาจโดนโยงด้วย เขาเลยต้องการให้คืนอย่างถูกต้องจากมูลนิธิเท่านั้น ไม่ใช่จากกระเป๋าส่วนตัวใคร”

อีกคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า

 “มันคือหลักธรรมาภิบาลค่ะ ทำดีต้องโปร่งใส ทำบุญต้องตรวจสอบได้ อย่าเอาคำว่า ‘ทำดี’ มาปิดบังข้อเท็จจริง”

ความคิดเห็นในแนวนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้กระแสส่วนใหญ่จะมองว่า “เรื่องนี้ควรจบได้แล้ว” แต่ก็ยังมีคนที่เข้าใจเจตนาของบอสณวัฒน์ และเชื่อว่าเขาแค่ต้องการให้การบริจาคทุกครั้งมีความถูกต้องในเชิงระบบมากกว่าความรู้สึก

 

💬 เสียงประชาชนแตกเป็นสองฝั่ง

เมื่อกระแสขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งในเฟซบุ๊ก, X (ทวิตเตอร์) และ TikTok ก็เริ่มมีผู้คนออกมาแสดงความเห็นแตกออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน

ฝ่ายหนึ่ง เห็นว่า บอสณวัฒน์กำลัง “ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่” และไม่ควรขุดคุ้ยหรือยื้อประเด็นต่อไป เพราะกัน จอมพลังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว

อีกฝ่ายหนึ่ง กลับมองว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการยกระดับความโปร่งใสในแวดวงมูลนิธิและองค์กรการกุศล ที่ควรมีระบบตรวจสอบได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ “ใครดีใครดัง” แล้วทุกอย่างจะจบ

📉 ดราม่านี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทั้งคู่

ผลจากกระแสโซเชียลที่รุนแรง ทำให้ชื่อของทั้ง “บอสณวัฒน์” และ “กัน จอมพลัง” กลายเป็นประเด็นร้อนที่สื่อหลายสำนักจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “ความโปร่งใสของมูลนิธิ” และ “ความเหมาะสมของการขอเงินคืน”

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การตอบโต้กันผ่านสื่ออาจส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อสังคมไทยกำลังให้ความสำคัญกับ “การทำดีอย่างมีความรับผิดชอบ”

 

⚖️ มุมมองทางกฎหมาย

นักกฎหมายบางรายออกมาให้ความเห็นว่า ตามหลักแล้ว หากเงินบริจาคได้ถูกส่งเข้ามูลนิธิแล้ว ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ การขอคืนเงินต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเป็นทางการ ไม่สามารถให้บุคคลใดโอนคืนแทนได้

ดังนั้น การที่บอสณวัฒน์ยืนยันให้โอนคืนจากบัญชีของมูลนิธิ ถือว่าเป็นไปตามหลักกฎหมาย แม้ในสายตาของคนทั่วไปจะดูเหมือน “เรื่องเล็กนิดเดียว” แต่ในเชิงกฎหมาย นั่นคือ “เรื่องใหญ่” เพราะเกี่ยวข้องกับความโปร่งใสขององค์กรที่ไม่แสวงหากำไร

 

🔍 สังคมตั้งคำถาม: “ทำบุญยุคนี้ต้องตรวจสอบได้หรือไม่?”

ดราม่านี้สะท้อนให้เห็นประเด็นลึกทางสังคม ว่าปัจจุบันผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับการบริจาคมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในยุคที่ทุกอย่างออนไลน์ การเคลื่อนไหวทางการเงินสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา ผู้บริจาคจึงคาดหวังความโปร่งใสที่มากกว่าเพียง “ภาพลักษณ์ของการทำดี”

มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งโพสต์ไว้ได้น่าสนใจว่า

 “ทุกวันนี้เราไม่ได้กลัวคนโกง แต่เรากลัวว่าความดีจะถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างชื่อเสียง การที่บอสณวัฒน์ออกมาขอให้คืนเงินอย่างถูกขั้นตอน มันไม่ผิดเลย เขาแค่ปกป้องตัวเองจากระบบที่ไม่ชัดเจนเท่านั้น”

 

📢 สรุปสถานการณ์ล่าสุด

จนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ร่วม หรือประกาศยุติเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่ความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง มีการพูดถึงกรณีนี้มากกว่า 50,000 โพสต์ภายใน 48 ชั่วโมง บนแพลตฟอร์ม X และ Facebook

ขณะเดียวกัน ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า การโต้ตอบกันไปมาผ่านโซเชียล อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และอยากให้ทั้งสองฝ่ายเปิดใจพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้สังคมเห็นถึงความตั้งใจดีของทั้งคู่

 

🧭 บทเรียนจากดราม่าครั้งนี้

กรณี “บอสณวัฒน์ vs กัน จอมพลัง” สะท้อนให้เห็นว่า ในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ ความโปร่งใสกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของทุกองค์กร โดยเฉพาะมูลนิธิหรือหน่วยงานการกุศล เพราะเพียงแค่ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์เสียหายได้

สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นใครที่ถูกหรือผิด จุดประสงค์ของการบริจาคควรอยู่ที่ “การช่วยเหลือผู้อื่น” ไม่ใช่ “การเอาชนะกันในโลกออนไลน์”

และเหนือสิ่งอื่นใด… ความดีที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่เสียงปรบมือ แต่อยู่ที่ความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ในทุกขั้นตอน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bbb1236555's profile


โพสท์โดย: bbb1236555
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้นักร้องดัง "ไช่ อีหลิน" ยืนร้องเพลงและเต้น บนหัวงูยักษ์ดราม่ารับปีใหม่! เที่ยวชะอำเจอ "ค่าเก้าอี้ 600"ภาพนี้ที่รอคอย !!! ทหารไทยนำตู้คอนเทนเนอร์ไปวางกั้นพรมแดนบ้านหนองจาน ตามเส้นเขตแดน 1:50000 เป็นที่เรียบร้อยชาวบ้านเพื่อนบ้านเหวอ! กลับมาดูพื้นที่หนองจาน เจอรั้วลวดหนาม–บ้านรุกล้ำถูกรื้อ ทหารไทยขีดเส้นชัดรู้จักคิดเองและลงมือทำ..ให้เป็นทักษะด้วย10 เลขฮิต "OK ล็อตเตอรี่" งวดวันที่ 2 มกราคม 69..ส่องก่อน รวยก่อน!!มะเขือตอแหล : ชื่อเจ็บจี้ด แต่คุณค่าประโยชน์ล้ำเลิศผักขม และผักโขม ความอร่อยที่แตกต่าง หอมหวานทานนุ่มลื่นกับส้มตำสสจ.โคราชเตือนประชาชนป้องกันโรคไข้หูดับ หลังพบผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศและมีผู้เสียชีวิต 13 ราย แนะนำระวังเมนูหมูกระทะและหมูสุกๆ ดิบๆ ในช่วงปีใหม่100 อันดับของหวานยอดเยี่ยมปี 2025นักเรียนดีเด่นวัย 12 เสียชีวิตหลังจากเลียนแบบฉากจากซีรี่ส์เรื่อง Squid Game
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เวลาเราเห็นของเปรี้ยว ทำไมต้องน้ำลายสอ ?ทำไมคนเกิดก่อนปี 2535 ควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี จริงหรือไม่คนเกิดก่อนปี 2535 เสี่ยงมะเร็งตับ 100 เท่าชาวบ้านเพื่อนบ้านเหวอ! กลับมาดูพื้นที่หนองจาน เจอรั้วลวดหนาม–บ้านรุกล้ำถูกรื้อ ทหารไทยขีดเส้นชัดรู้จักคิดเองและลงมือทำ..ให้เป็นทักษะด้วยดราม่ารับปีใหม่! เที่ยวชะอำเจอ "ค่าเก้าอี้ 600"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
“ลาว” ด่านแตก..! เงินกีบอ่อนค่า วิกฤตเศรษฐกิจซ้ำเติม คนลาวแห่เข้าไทยทำงาน ท่ามกลางจังหวะไทยผลักดันแรงงานเขมรกลับประเทศขุดวีรกรรม "โดม ปกรณ์" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกคุกคามเพศหญิง แซวนักแสดงญี่ปุ่น "รหัสอะไร"อินเดียบุกเสียมราฐ! ดราม่าชายแดน–เที่ยวบินตรง ดันกัมพูชากลายเป็นจุดหมายใหม่ นักท่องเที่ยวไทยวูบหยุดยิvแต่ไม่หยุดแสบ! สื่อนอกแฉกัมพูชาส่งโดรนกว่า 250 ลำ ละเมิดน่านฟ้าไทย ชี้โยงจีนเลี่ยงไม่พ้น
ตั้งกระทู้ใหม่