เศรษฐกิจกัมพูชาวิกฤติหนัก! ข้าวล้นสต็อก-ราคาตกเหลือ 4 บาท ทหารแนวหน้าแทบไม่มีข้าวกิน

สถานการณ์ในกัมพูชาตอนนี้เรียกได้ว่า “พังเละเทะ” โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในรอบหลายปี เพราะข้าวที่เคยส่งออกไปยังประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด กลับค้างสต็อกจนเน่าเสีย มูลค่าความเสียหายรวมกันนับหมื่นล้านบาท ซ้ำร้ายเวียดนามก็ยังปฏิเสธที่จะรับซื้อแทน ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศร่วงลงต่ำสุดในประวัติการณ์ เหลือเพียงกิโลกรัมละ 4 บาทเท่านั้น

ราคาข้าวที่ตกต่ำจนถึงขั้น “ขาดทุนยับ” ทำให้ชาวนาเขมรจำนวนมากทนไม่ไหว พากันออกมาประท้วงรัฐบาล บางพื้นที่ถึงขั้นนำข้าวมาเททิ้งกลางถนน เพื่อแสดงออกถึงความสิ้นหวังในนโยบายที่ไม่สามารถพยุงเศรษฐกิจเกษตรได้เลย

แต่ที่น่าเวทนากว่านั้น คือสภาพความเป็นอยู่ของ “ทหารแนวหน้า” ของกัมพูชา แม้ข้าวจะถูกแสนถูก แต่เงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยงของทหารกลับไม่พอแม้แต่จะซื้อข้าวกิน หลายคนต้องอาศัยอาหารจากชาวบ้านหรือหน่วยงานช่วยเหลือประทังชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติทางเศรษฐกิจและการบริหารประเทศที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

ในอีกด้านหนึ่ง ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้กับกัมพูชาก็เพิ่มสูงขึ้น หลังเกิดกรณีแรงงานกัมพูชาถูกโยงเข้ากับขบวนการ “สแกมเมอร์ออนไลน์” ที่หลอกชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต ทำให้ชาวเกาหลีเกิดความไม่พอใจอย่างหนัก ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า โรงพยาบาลบางแห่งในเกาหลีใต้เริ่มปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยสัญชาติกัมพูชาแล้ว จากแรงกดดันของสังคมและความไม่ไว้วางใจที่กำลังลุกลาม

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า “ทหารกัมพูชา” ได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณช่องบก หรือช่องจอม ซึ่งเป็นเขตชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของตน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีข้อตกลงร่วมกันให้ทั้งสองฝ่ายถอยทัพออกจากพื้นที่พิพาท

อย่างไรก็ตาม คำสั่งจากระดับสูงสุดของกัมพูชา — ที่เชื่อว่าเป็นของ “สมเด็จฮุนเซน” — ได้สั่งให้ทหารกลับเข้ามายึดพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง โดยใช้จังหวะช่วงเหตุปะทะเมื่อเดือนตุลาคม 2568 เป็นโอกาสเข้ามาตั้งกำลังเต็มรูปแบบ จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้สำเร็จ

ปัจจุบันทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่นั้น ซึ่งถือว่าเป็นการ “ล้ำแดนไทย” อย่างชัดเจน การยึดพื้นที่นี้ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองของรัฐบาลฮุนเซน เพื่อใช้เป็น “แต้มต่อ” ในการเจรจาหรือกดดันรัฐบาลไทยในอนาคต

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นชัดว่า กัมพูชากำลังเผชิญวิกฤติรอบด้าน — ทั้งเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ประชาชนเดือดร้อน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กำลังสั่นคลอนอย่างรุนแรง หากรัฐบาลฮุนเซนยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อนาคตของประเทศอาจยิ่งถลำลึกสู่ความไม่มั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้