หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นักวิชาการจากสมรภูมิ : ชีวิตของ "มาซาฮิเดะ โอตะ" อดีตผู้ว่า "โอกินาวะ"

เนื้อหาโดย MaskPool

     ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นมีการจัดงานรำลึกมากมาย โดยเฉพาะที่เกาะโอกินาวะ ซึ่งบุคคลที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด คือ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด "มาซาฮิเดะ โอตะ"

     โอตะเคยเป็น "ทหารเยาวชนในสงครามโอกินาวะ" เขาได้เห็นความโหดร้ายของสมรภูมิที่ "มาบุนิ" ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของการรบใหญ่บนเกาะ หลังสงคราม 50 ปี เขาในฐานะผู้ว่าฯ ได้สร้าง "สวนสันติภาพโอกินาวะ" บริเวณมาบุนิ เพื่อให้เป็นสถานที่รำลึกและภาวนา เพื่อสันติภาพของชาวโอกินาวะมาจนถึงทุกวันนี้

     ปีนี้ยังเป็น 100 ปี ชาตกาลของโอตะ จึงมีการรำลึกถึงชีวิตและผลงานของเขาอีกครั้ง


*จากทหารเด็กสู่ผู้นำเพื่อสันติภาพ*

     "มาซาฮิเดะ โอตะ" เกิดปี 1925 ที่เกาะคุเมะจิมะ ทางตะวันตกของโอกินาวะ ต่อมาเข้าศึกษาที่โรงเรียนฝึกครูในชูริ ซึ่งเป็นสถาบันที่ญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งขึ้นหลังผนวกอาณาจักรริวกิว เพื่อทำให้ชาวโอกินาวะเป็นญี่ปุ่นโดยสมบูรณ์

     เมื่อปี 1945 สงครามโอกินาวะเริ่มขึ้น นักเรียนชายอย่างโอตะ ก็ถูกเกณฑ์เป็น "กองร้อยเลือดเหล็ก" ไปช่วยรบในแนวหน้า เขาเห็นเพื่อนและครูจำนวนมากเสียชีวิต ประสบการณ์นั้นฝังใจเขาไปตลอดชีวิต และ กลายเป็นเหตุผลที่เขาทำงานเพื่อ "สันติภาพและการจดจำสงคราม" ในเวลาต่อมา...

*จากโอกินาวะสู่โตเกียวและอเมริกา*

     หลังสงคราม โอตะเดินทางไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยวาเซดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ต่อมาศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ประเทศอเมริกา ด้วยทุนจากกองทัพอเมริกา

     ในขณะอยู่ในอเมริกา เขาได้เห็น "การเหยียดเชื้อชาติ" ที่คนผิวดำต้องเผชิญ และ เริ่มตั้งคำถามกับการเลือกปฏิบัติที่คนญี่ปุ่น ที่มีต่อชาวโอกินาวะเอง เขาได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของ "มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์" เป็นอย่างมาก

     เมื่อเขากลับมาญี่ปุ่น เขาเป็นอาจารย์ที่ มหาวิทยาลัยริวกิว และ เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์และสื่อ เกี่ยวกับโอกินาวะ


*นักวิชาการผู้เปิดโปง "ความเป็นญี่ปุ่น" ที่เจ็บปวด*

     โอตะค้นคว้าข่าวเก่าในห้องสมุดรัฐสภาโตเกียว แล้วพบว่า "ในช่วงก่อนสงคราม ชาวโอกินาวะพยายามอย่างมาก ที่จะกลมกลืนเป็นญี่ปุ่น เพื่อหนีการถูกเหยียด" เขาจึงเขียนหนังสือชื่อ "จิตสำนึกของประชาชนโอกินาวะ" ซึ่งได้วิจารณ์ทั้งสังคมญี่ปุ่นที่กดขี่ และ ชาวโอกินาวะที่ต้องจำใจยอมรับ ความแตกต่างนั้นเอง...

     หนังสือนี้ยังทำให้สังคมญี่ปุ่นหันกลับมาพูดถึง เหตุการณ์ "นิทรรศการมนุษย์โอซาก้า" ปี 1903 ที่เคยเอาผู้หญิงชาวโอกินาวะ ไปจัดแสดงร่วมกับชาวไอนุ [ชาวเกาหลี] และ ชนพื้นเมืองไต้หวัน เป็นภาพสะท้อนการเหยียดที่ชัดเจนในยุคนั้น


*จากนักวิชาการสู่ผู้ว่าฯ เพื่อสันติภาพ*

     ปี 1972 โอกินาวะ "กลับคืนสู่ญี่ปุ่น" แต่ฐานทัพอเมริกายังคงอยู่ โอตะจึงเริ่มรณรงค์ให้เปิดเผยเอกสารสงคราม และ ผลักดันงานศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง

     ต่อมาในปี 1990 เขาได้รับเลือกเป็น "ผู้ว่าราชการจังหวัดโอกินาวะ" จากฝ่ายก้าวหน้า และ ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ในปี 1990 ถึง 1998

     นโยบายสำคัญที่สุดของเขา คือ "การบริหารเพื่อสันติภาพ" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักวิชาการนอร์เวย์ "โยฮัน กัลตุง" ซึ่งเสนอว่า "ความสงบที่แท้จริงต้องกำจัด ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง เช่น ความยากจนหรือการเหยียด ไม่ใช่เพียงแค่หยุดสงครามเท่านั้น..."


*อนุสรณ์แห่งสันติภาพ ที่ไม่แบ่งฝ่าย...*

     ในวาระ 50 ปีสงคราม โอตะสร้าง "อนุสรณ์หินแห่งสันติภาพ" และ ปรับปรุง "พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพโอกินาวะ"

     บนหินอนุสรณ์แห่งนี้ สลักชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดในสงครามโอกินาวะ ไม่ว่าจะเป็นทหารญี่ปุ่น อเมริกัน พลเรือน หรือ แม้แต่ผู้ที่มาจากเกาหลีและไต้หวัน โดยไม่แบ่งฝ่ายศัตรูหรือมิตร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่โอกินาวะ สร้างอนุสรณ์เช่นนี้

*ความขัดแย้งกับโตเกียว*


     ปี 1995 เกิดเหตุสะเทือนใจเมื่อ "เด็กหญิงอายุ 12 ปี ถูกทหารอเมริกัน 3 นายลักพาตัวและข่มขืน" ตามข้อตกลงในตอนนั้น "สถานะกองทัพอเมริกาในญี่ปุ่น" ทำให้ญี่ปุ่นไม่มีสิทธิจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์นี้จุดชนวนความโกรธในหมู่ชาวโอกินาวะ โดยโอตะเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่น ยกเลิกฐานทัพอเมริกา

     รัฐบาลญี่ปุ่นในขณะนั้นนำโดย นายกรัฐมนตรี "ริวทาโร่ ฮาชิโมโตะ" พยายามเจรจาให้อเมริกาคืนฐาน "ฟุตเทนมะ" แต่สุดท้ายกลับเสนอแผนสร้างฐานใหม่ที่ "เฮโนะโกะ" ภายในโอกินาวะเอง ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ยังคาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้

     ความขัดแย้งกับรัฐบาลกลาง ทำให้โอตะเสียตำแหน่งผู้ว่าฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อมา


*ปลายชีวิตและมรดกทางความคิด*

     หลังออกจากตำแหน่ง โอตะเริ่มรู้สึกสิ้นหวังกับระบบการเมืองญี่ปุ่น เขาเริ่มเห็นใจแนวคิด "เอกราชของโอกินาวะ" แต่ไม่เคยประกาศสนับสนุนอย่างเปิดเผย เพราะถือว่าเป็นการปฏิเสธการต่อสู้ทางการเมือง ที่เขาเคยทำมาตลอด

     โอตะถึงแก่อสัญกรรมในปี 2017 ด้วยวัย 92 ปี

     ก่อนสิ้นใจ เขายังละเมอพูดถึงสนามรบและกระสุน เหมือนจิตใจยังกลับไปอยู่ในสงครามปี 1945


*มรดกของ "โอตะ มาซาฮิเดะ"*

1.สืบสานความทรงจำแห่งสงคราม
     เขาสร้างอนุสรณ์ "หินแห่งสันติภาพ" ที่ให้เกียรติผู้ตายทุกฝ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นจิตวิญญาณ แห่งการให้อภัยและมนุษยธรรม

2.ส่งต่อแนวคิดสันติภาพเชิงลึก
     โอตะมองว่าสันติภาพไม่ใช่แค่ "ไม่มีสงคราม" แต่ต้องขจัดความเหลื่อมล้ำ และ อคติในสังคมด้วย

3.ตั้งคำถามต่อโครงสร้างการกดขี่
     เขาและนักวิชาการโอกินาวะคนอื่น เช่น "ชินซากิ โมริเทรุ" เชื่อว่า "สิ่งที่โอกินาวะเผชิญ คือ "การเลือกปฏิบัติในเชิงโครงสร้าง" จากรัฐบาลกลางญี่ปุ่น ซึ่งยังเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน

เนื้อหาโดย: MaskPool
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
MaskPool's profile


โพสท์โดย: MaskPool
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ธนาคารกรุงไทย แจ้งข่าว! ประกาศยุติให้บริการ แอปพลิเคชันเป๋าตุง10 สถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ต ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักเกาะนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเที่ยวเกาะเกร็ด เกาะเล็กๆ ที่น่าเที่ยว ใกล้กรุงเทพคอนเสิร์ต ‘ยองแจ’ GOT7 วันนี้ ทางผู้จัดให้ยืนไว้อาลัย 1 นาที
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
10 สถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ต ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักเกาะนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ชาวจีนและชาวเวียดนามถูกจับกุม ในปฏิบัติการปราบปรามแก๊งอาชญากรในเขมรตำรวจท่องเที่ยวร่วมฝ่ายปกครอง ปฎิบัติการกวาดล้างยาเสพติด " นครสีขาว "เขมรลั่น!! ประเพณี “ลอยกระทง” เป็นของเรา — ชี้มีหลักฐานสลักไว้บนกำแพงนครวัดนักท่องเที่ยวเวียดนามรีวิว “ตลาดเช้า” พนมเปญ — ถึงกับผงะ! ยิ่งกว่าที่อินเดีย
ตั้งกระทู้ใหม่