จับไกด์กัมพูชา หลังโพสต์ปลุกม็อบโค่นรัฐบาล เลียนแบบเนปาล
⚖️ ไกด์นำเที่ยวกัมพูชา ถูกศาลพนมเปญสั่งควบคุมตัว ข้อหาสมคบคิดโค่นล้มรัฐบาล โทษสูงสุด 10 ปี
วันที่ 22 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวกัมพูชารายงานว่า ศาลเทศบาลกรุงพนมเปญได้สั่งควบคุมตัว นายปิ่น โพช (Pin Poch) วัย 51 ปี หนึ่งในไกด์นำเที่ยวชื่อดังจากเมืองเสียมราฐ หลังถูกตั้งข้อหาวางแผนสมคบคิดโค่นล้มรัฐบาล ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่มีโทษสูงสุดถึง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 453
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนายโพชโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาอย่างรุนแรงเกี่ยวกับ สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรวมถึงประเด็นการเข้าไปติดตั้งรั้วลวดหนามและการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในหมู่บ้านจุกเจยและเปรยจันของกองกำลังไทย
🏠 การจับกุมและการควบคุมตัว
นายโพชถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่บ้านพักส่วนตัวในเมืองเสียมราฐ ตามหมายจับลงวันที่ 18 ตุลาคม โดยศาลเทศบาลกรุงพนมเปญได้ตั้งข้อหาวางแผนสมคบคิด ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจต้องรับโทษ จำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี
ปัจจุบัน นายโพชถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำในกรุงพนมเปญ ซึ่งทางครอบครัวและทนายความยังคงติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด
📱 การเคลื่อนไหวของนายโพชบนโซเชียลมีเดีย
พันโท อุก โสภัทร จากกรมต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ของกัมพูชา เปิดเผยว่า นายโพชเป็นไกด์นำเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง เขามักโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและสถานการณ์สังคมการเมืองในประเทศ
ข้อความที่เป็นปัญหานั้น นายโพชวิพากษ์วิจารณ์การตอบสนองของรัฐบาลต่อกรณีชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการจัดการเรื่องรั้วลวดหนามและการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่ในกัมพูชาเลียนแบบการเคลื่อนไหวของนักศึกษาในประเทศเนปาล เพื่อออกมาต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่มองว่าเป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ
📌 ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายโพชถูกตั้งข้อหาตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 453 ซึ่งระบุเกี่ยวกับการวางแผนสมคบคิดโค่นล้มรัฐบาล หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง บุคคลนั้นอาจต้องรับโทษ จำคุกตั้งแต่ 5–10 ปี
การตั้งข้อหาดังกล่าวถือเป็นมาตรการที่รุนแรงต่อการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งสร้างความกังวลในหมู่หน่วยงานสิทธิมนุษยชนและสังคมกัมพูชา
🏛️ ความเห็นจากองค์กรสิทธิมนุษยชน
นาย ยี สุกสาน เจ้าหน้าที่อาวุโสจาก สมาคมสิทธิมนุษยชนและการพัฒนากัมพูชา (ADHOC) ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ว่า
“ข้อกล่าวหาวางแผนสมคบคิดต่อนายโพชถือว่าร้ายแรงเกินเหตุ เพราะเขาเพียงแค่แสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย”
นายสุกสานยังชี้ว่าชาวกัมพูชาหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา และบางคนจึงออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลผ่านเฟซบุ๊ก การตั้งข้อหาครั้งนี้จึงถือเป็นการ จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
ADHOC ยังเรียกร้องให้ทางการ โดยเฉพาะผู้นำรัฐบาล ปล่อยตัวนายโพชและนักโทษทางความคิดอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล
🌏 บริบทปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา
ปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวมายาวนาน ทั้งในด้านการทหาร การจัดการทรัพยากร และสิทธิของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
การติดตั้ง รั้วลวดหนาม และการ เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยกองกำลังไทยสร้างความตึงเครียดในหมู่บ้านชายแดน
ชาวบ้านหลายคนหวาดกลัวและตั้งคำถามต่อรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวกับความปลอดภัยและการปกป้องประชาชน
การโพสต์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ของนายโพช ทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่าง สิทธิในการแสดงออก กับ ความมั่นคงของรัฐ
📰 ผลกระทบต่อสังคมและประชาชน
การจับกุมและตั้งข้อหานายโพชส่งผลกระทบต่อหลายด้าน:
1. สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ประชาชนที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอาจหวาดกลัวการถูกตั้งข้อหา
การแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียถูกจำกัด
2. แรงกดดันต่อนักท่องเที่ยวและไกด์นำเที่ยว
นายโพชเป็นไกด์นำเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
การจับกุมครั้งนี้สร้างความกังวลแก่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว
3. ความเคลื่อนไหวขององค์กรสิทธิมนุษยชน
ADHOC และหน่วยงานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเรียกร้องให้ทางการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน
จนถึงเดือนตุลาคม 2568 มีประชาชนชาวกัมพูชามากกว่า 80 คนถูกจับกุมและตั้งข้อหาปลุกระดมในลักษณะเดียวกัน
👥 ความเห็นของประชาชน
ชาวกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนและในเมืองใหญ่หลายคนแสดงความเห็นว่า การตั้งข้อหาต่อนายโพชรุนแรงเกินไป และประชาชนควรมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกคุกคาม
ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กบางรายระบุว่า การตั้งข้อหานี้จะทำให้ ประชาชนหวาดกลัวการแสดงความคิดเห็น
กลุ่มนักศึกษาและเยาวชนบางส่วนชี้ว่า ควรให้มี พื้นที่สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างสร้างสรรค์
อีกส่วนหนึ่งมองว่า รัฐบาลควรสร้าง กลไกการสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นประชาชน แทนการใช้ข้อกฎหมายเข้มงวดเพียงอย่างเดียว
🔎 วิเคราะห์สถานการณ์
การจับกุมและตั้งข้อหานายโพชสะท้อนความตึงเครียดของรัฐบาลกัมพูชาในการรับมือกับความคิดเห็นที่แตกต่าง และแสดงให้เห็นถึง ความอ่อนไหวทางการเมืองบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
การใช้ข้อกฎหมายมาตรา 453 อาจถูกมองว่าเป็น เครื่องมือควบคุมความคิดเห็น
การปล่อยตัวนักโทษทางความคิดหรือการจัดตั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างเป็นทางการ อาจช่วยลดความตึงเครียดและสร้างความเชื่อมั่นในสังคม
📝 สรุป
นายปิ่น โพช ไกด์นำเที่ยววัย 51 ปี ถูกศาลพนมเปญควบคุมตัวและตั้งข้อหาสมคบคิดโค่นล้มรัฐบาล
ข้อหานี้มีโทษสูงสุดถึง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 453
การโพสต์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาเป็นเหตุให้ถูกจับกุม
องค์กรสิทธิมนุษยชน ADHOC และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายโพชและนักโทษทางความคิดคนอื่น ๆ
มีประชาชนชาวกัมพูชามากกว่า 80 คนถูกจับกุมในลักษณะเดียวกันจนถึงเดือนตุลาคม 2568
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนความตึงเครียดทางการเมืองและความอ่อนไหวของชายแดนไทย–กัมพูชา รวมถึงการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน






















