เคลื่อนไหวแล้ว! “ธรรมนัส” ตอบตรงไม่อ้อมค้อม ปมถูกโยงใกล้ชิด “กัน จอมพลัง”

🔥 “ร.อ.ธรรมนัส” เคลียร์ชัด! ความสัมพันธ์กับ “กัน จอมพลัง” ยันไม่มีเงินทองเกี่ยวข้อง แค่ร่วมทำดีเพื่อประชาชน – พร้อมกล่าวชื่นชม “ไอซ์ รักชนก” และ “รังสิมันต์ โรม” ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่กล้าทำเพื่อสังคม

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เต็มไปด้วยความคึกคักตามปกติของวันประชุมใหญ่ แต่สิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจของสื่อมวลชนในวันนี้ คือการปรากฏตัวของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีประเด็นร้อนให้ต้องตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับ “กระแสข่าวความสัมพันธ์ส่วนตัว” ระหว่างเจ้าตัวกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “กัน จอมพลัง”

กระแสนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ “ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” ส.ส.พรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์และให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับ “ความใกล้ชิด” และ “การเกื้อหนุนกัน” ระหว่างสองบุคคลนี้ในหลายวาระ ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับรองนายกรัฐมนตรีกับอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยเหลือประชาชน นั้น “มีขอบเขตแค่ไหน” และ “มีผลทางการเมืองอย่างไร”

 

💬 ร.อ.ธรรมนัส เคลียร์ทุกข้อสงสัย – ยืนยันไม่มีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามตรงถึงกรณีนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตอบด้วยท่าทีสุขุมและมั่นใจ โดยกล่าวว่า

“ความสัมพันธ์กับคุณกัน จอมพลัง ไม่มีอะไรลึกซึ้งไปกว่าการร่วมกันช่วยเหลือประชาชนครับ กันเขาชอบช่วยเหลือคน ส่วนผมก็มีมูลนิธิที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน พอมีโอกาสได้เจอกันในพื้นที่ เราก็ร่วมมือกันทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม ไม่มีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน”

คำตอบนี้สะท้อนถึงความพยายามของ ร.อ.ธรรมนัส ที่จะชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวเกิดจากเจตนาที่ดีเพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่ความเกี่ยวโยงในเชิงธุรกิจ การเมือง หรือผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด

เจ้าตัวยังกล่าวต่อว่า ช่วงเวลาที่ตนเองไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ใช้เวลาลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนั้นก็ได้พบกับกัน จอมพลัง ซึ่งเป็นคนที่ทำงานในแนวทางคล้ายกัน จึงเกิดการร่วมมือกันโดยธรรมชาติ

 “เรามีเคมีคล้ายกันครับ ต่างคนต่างตั้งใจช่วยคนที่เดือดร้อน ไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเลยสักนิด”

“บางครั้งเราก็ให้กำลังใจกัน เพราะต่างก็เจอแรงกดดันจากคนรอบข้าง แต่สุดท้ายสิ่งที่เราทำร่วมกัน มันคือสิ่งดีที่สังคมได้ประโยชน์จริง ๆ”

🧩 เบื้องหลังความร่วมมือของ “ธรรมนัส–กัน จอมพลัง” : จากโลกออนไลน์สู่ภาคสนาม

หากมองย้อนกลับไปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา “กัน จอมพลัง” ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีบทบาทในด้านการช่วยเหลือประชาชน ทั้งในประเด็นคดีความ การร้องเรียนความไม่เป็นธรรม ไปจนถึงการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ

ในหลายโอกาส “กัน” ได้ปรากฏตัวร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อทำกิจกรรมจิตอาสา และในบางครั้งก็มีภาพร่วมเฟรมกับ ร.อ.ธรรมนัส ทำให้หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า “ทั้งคู่มีความสัมพันธ์เชิงเครือข่ายหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม การที่ ร.อ.ธรรมนัส ออกมาชี้แจงในครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า ทุกอย่างเกิดจากความตั้งใจในการ “ทำเพื่อสังคม” ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ แอบแฝง

นักวิเคราะห์ทางการเมืองบางส่วนมองว่า การที่นักการเมืองและอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมมือกัน อาจเป็นโมเดลใหม่ของการสื่อสารกับประชาชนในยุคดิจิทัล เพราะอินฟลูเอนเซอร์มีอิทธิพลสูงในโลกออนไลน์ สามารถเชื่อมโยงกับประชาชนได้เร็ว ในขณะที่นักการเมืองมีเครื่องมือและทรัพยากรในการดำเนินการเชิงนโยบาย การประสานกันของทั้งสองฝั่ง จึงอาจสร้างพลังเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างมาก หากทำด้วยความโปร่งใสและมีจริยธรรม

🏛️ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวชื่นชม “ไอซ์ รักชนก” และ “รังสิมันต์ โรม” ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานด้วยใจ

ในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ ร.อ.ธรรมนัส ยังได้กล่าวถึง “ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” และ “รังสิมันต์ โรม” สอง ส.ส. คนรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ โดยยอมรับว่าแม้จะอยู่ต่างขั้วทางการเมือง แต่ก็รู้สึก “ชื่นชม” กับความตั้งใจและความกล้าในการทำงานเพื่อประชาชน

“ผมชื่นชมทั้งคุณไอซ์และคุณโรมครับ เขาทั้งคู่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจทำงานเพื่อสังคม อะไรที่เป็นสิ่งดี เราก็ควรยอมรับและสนับสนุน แม้เราจะมีความเห็นต่างทางการเมือง แต่สุดท้ายเป้าหมายเราคือประชาชนเหมือนกัน”

คำพูดนี้สะท้อนท่าทีเปิดกว้างของ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งต่างจากภาพลักษณ์นักการเมืองยุคเก่าที่มักจะมีแนวคิดแบบแบ่งขั้วชัดเจน การชื่นชมคู่แข่งทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หลายคนมองว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของ “การเมืองยุคใหม่” ที่เริ่มเห็นความร่วมมือข้ามฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม

 

🌱 “ไอซ์ รักชนก” ส.ส.หญิงผู้กล้า – กับกระแส “สู้เพื่อสังคม แม้สวนกระแส”

ก่อนหน้านี้ไม่นาน “ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

 “วันที่ประชาชนเลือกดิฉันมา เชื่อว่าเลือกให้มาทำเรื่องยาก ๆ เรื่องที่สวนกระแสสังคม เพื่อดึงให้สังคมไปข้างหน้า เพราะทุกคนเชื่อว่าประเทศไทยของเราดีกว่านี้ได้”

โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ เพราะสะท้อนภาพของนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ที่กล้าพูด กล้าชน และไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ ทั้งในและนอกสภา ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนจำนวนมาก

ร.อ.ธรรมนัส เองก็กล่าวว่า “ผมมองว่าเธอเป็นคนกล้า แม้เราจะอยู่คนละพรรค แต่การกล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้อง ถือเป็นสิ่งดีของประชาธิปไตย”

⚖️ วิเคราะห์เชิงการเมือง: ภาพลักษณ์ใหม่ของ “ธรรมนัส” และความสัมพันธ์ในโลกการเมืองยุคโซเชียล

กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ออกมาชี้แจงด้วยน้ำเสียงเปิดใจ ไม่หลบเลี่ยงคำถามของสื่อ และแสดงท่าทีให้เกียรติคนรุ่นใหม่ในสภา ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจในเส้นทางการเมืองของเขา

ในอดีต ธรรมนัสอาจเคยเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในหลายมุม ทั้งบวกและลบ แต่ในปี 2568 ภาพลักษณ์ของเขาเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จาก “นักการเมืองเข้มขรึม” กลายเป็น “นักการเมืองที่เข้าถึงประชาชน”

เขาเลือกใช้สื่อโซเชียลในการสื่อสารมากขึ้น และลงพื้นที่ด้วยตัวเองบ่อยครั้ง ภาพของเขากับ “กัน จอมพลัง” ที่ทำงานช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตามต่างจังหวัด ก็ถูกแชร์ในโซเชียลอย่างแพร่หลาย ทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนกลุ่มใหม่ ๆ ที่มองการเมืองในเชิง “ผลงานมากกว่าพรรค”

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิเคราะห์ว่า การที่นักการเมืองรุ่นใหญ่หันมาใช้ “แนวทางอินฟลูเอนเซอร์” ในการสื่อสารกับประชาชน เป็นกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงการปรับตัวในยุคดิจิทัล

 “ความร่วมมือระหว่างนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลอาจเป็นแนวโน้มสำคัญของการเมืองไทยยุคใหม่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส เพื่อไม่ให้กลายเป็นการใช้สื่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น”

 

💡 สรุป: ธรรมนัส – กัน – ไอซ์ – โรม สะท้อน “การเมืองแนวใหม่” ที่เปิดกว้างและเข้าถึงประชาชน

จากเหตุการณ์ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการเมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงของ “การเปลี่ยนผ่าน” จากระบบปิดแบบเดิม สู่การเมืองเชิงเปิด ที่คนรุ่นใหม่และผู้มีอิทธิพลทางออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ร.อ.ธรรมนัส แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักการเมืองที่พร้อมเปิดใจ ยอมรับความแตกต่าง และร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีเป้าหมายเพื่อสังคม

กัน จอมพลัง เป็นตัวแทนของภาคประชาชนที่ใช้พลังโซเชียลสร้างการเปลี่ยนแปลง

ไอซ์ รักชนก และ รังสิมันต์ โรม คือสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่กล้าพูด กล้าชนในสภา

ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพ “การเมืองไทยในศตวรรษที่ 21” ที่ไม่ได้วัดกันด้วยอำนาจหรือยศศักดิ์ แต่ด้วยความจริงใจ ความกล้า และการลงมือทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

🗣️ ปิดท้ายด้วยคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ฝากไว้ให้สังคม

 “ผมเชื่อว่าการเมืองไม่จำเป็นต้องแบ่งฝั่งเสมอไป ถ้าเราคิดเหมือนกันว่าประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด เราก็สามารถร่วมมือกันได้ นี่แหละคือพลังของความดี ที่ไม่ต้องมีสี มีพรรค หรือมีผลประโยชน์มาครอบงำ”

คำพูดนี้ไม่เพียงตอกย้ำจุดยืนของ ร.อ.ธรรมนัสเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพของนักการเมืองที่พยายามสร้าง “สะพานแห่งความเข้าใจ” ระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ เพื่อให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน