กัมพูชากังวลสถานการณ์ชายแดนปะทุ หาก “อภิสิทธิ์” หวนคืนเก้าอี้นายกฯ
สำนักข่าว Khmer Times ของกัมพูชา รายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทย โดยระบุว่า การกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ได้สร้างความกังวลให้กับนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกัมพูชา หลายฝ่ายเกรงว่าการกลับมาของอภิสิทธิ์อาจทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่เปราะบางอยู่แล้ว ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
นายปา จันรื่น ประธานสถาบันประชาธิปไตยกัมพูชา (Cambodian Institute for Democracy) ให้สัมภาษณ์กับ Khmer Times ว่า การกลับมาของอภิสิทธิ์ถือเป็น “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ที่กัมพูชาควรเตรียมพร้อมรับมือกับแนวนโยบายต่างประเทศแบบเข้มแข็งเหมือนในอดีต เขากล่าวว่า “ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กัมพูชาและไทยเคยมีเหตุปะทะกันหลายครั้งในปี 2551 และ 2554 หากเขากลับมาในช่วงเวลานี้ ความขัดแย้งชายแดนที่มีอยู่แล้วอาจรุนแรงยิ่งขึ้น และทำให้การจัดการปัญหายากกว่าเดิม”
จันรื่นยังเตือนว่า ความขัดแย้งอาจปะทุซ้ำ หากผู้นำทางการเมืองของไทยเลือกใช้ “ประเด็นชายแดน” เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกระตุ้นกระแสชาตินิยมในประเทศ “ตราบใดที่ผู้นำยังคงใช้ประเด็นนี้ในการหาเสียง ความตึงเครียดจะไม่มีวันสิ้นสุด แถมอาจบานปลายยิ่งกว่าเดิม” เขากล่าว พร้อมเน้นว่า กัมพูชาควรยึดมั่นแนวทางสันติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือพหุภาคีเป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขปัญหา
ด้านนายทอง เมงดาว นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และอาจารย์ประจำสถาบันเพื่อการศึกษาระหว่างประเทศและนโยบายสาธารณะกัมพูชา มองว่า การตัดสินใจกลับเข้าสู่สนามการเมืองของอภิสิทธิ์และการประกาศชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปีหน้า อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา
“ความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพในอนาคตระหว่างสองประเทศดูไม่แน่นอนนัก โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองไทยยังแตกแยก และปัญหาชายแดนยังคาราคาซัง” เมงดาวระบุ พร้อมชี้ว่า การขาดผู้นำที่เข้มแข็งของไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนไม่พอใจกับการบริหารจัดการปัญหาชายแดน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ตกต่ำลง
เขาเสนอว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ไทยและกัมพูชาจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟู “ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน” ผ่านความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดน การเจรจาทางการทูต และการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Khmer Times รายงานเพิ่มเติมว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วัย 61 ปี ได้รับเลือกกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น แม้ในอดีตเขาจะเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม “คนเสื้อแดง” ปี 2553 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน จนถูกขนานนามว่าเป็น “นายกฯ มือเปื้อนเลือด”
การกลับมาของอภิสิทธิ์จึงไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงการเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังสะเทือนถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ที่ยังคงเฝ้ามองด้วยความระแวดระวังต่ออนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติบนเส้นพรมแดนที่ยังไม่เคยสงบอย่างแท้จริง
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มัดรวม 5 อนิเมะโชโจ รักวัยเรียนแบบฟินจิกหมอน ✨
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคม
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
บุกจับแล้ว 4 เมียนมา ยึดโดรน 10 ลำมูลค่า 7.5 ล้าน บินป่วนสุวรรณภูมิ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
10 สิ่งต้องห้ามในรถยนต์ ที่อาจทำเงินรั่วและดึงดูดอุบัติเหตุ สายมูต้องห้ามพลาด
วัดกู้ วัดเก่าแก่ในนนทบุรี ที่ต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
มัดรวม 5 อนิเมะโชโจ รักวัยเรียนแบบฟินจิกหมอน ✨
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !



