เข่าทรุด! เก็บทอง 14 บาทนาน 18 ปี หวังเป็นทุนค่าเทอมลูก แต่สุดท้ายไม่เหลือสักบาท
💥จากทอง 10 บาทสู่ความฝันที่พังทลาย! ลูกค้าหวังขายทองได้ 5 ล้าน แต่สุดท้ายรู้ความจริง “เป็นแค่ทองชุบ” — ร้านทองสระบุรีโพสต์เตือนแรง
โลกออนไลน์กำลังพูดถึงกรณีที่เกิดขึ้นจริงและชวนอึ้งสุด ๆ หลังเพจร้านทองชื่อดังในจังหวัดสระบุรี “นะโม บ้านช่างทอง” ได้ออกมาเผยคลิปและเรื่องราวของลูกค้ารายหนึ่งที่นำวัตถุทองรูปปลาพร้อมภาชนะสีทองอร่ามมาประเมินราคา โดยเชื่อว่าทั้งหมดนั้นเป็น ทองคำแท้ ที่เคยซื้อมานานกว่า 17-18 ปี ในราคาสูงถึง สองแสนกว่าบาท
ลูกค้าคนดังกล่าวเล่าว่า ตอนซื้อครั้งนั้นร้านต้นทางอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นร้านใหญ่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับในพื้นที่และให้ใบเซอร์รับรองยืนยันว่าเป็น “ทองคำแท้” อีกทั้งยังอ้างว่าเป็น ทองแฮนด์เมด (Handmade) หรือทองที่ทำด้วยมือทั้งหมด งานฝีมือประณีตไม่เหมือนใคร มีเพียงร้านเดียวเท่านั้นที่ทำได้
ด้วยความเชื่อใจในชื่อเสียงของร้านและเอกสารรับรอง ลูกค้าจึงตัดสินใจซื้อเก็บไว้ด้วยความหวังว่า “ในอนาคตมูลค่าจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า” โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำต่อบาทในช่วงนั้นยังอยู่เพียงไม่ถึงสองหมื่นบาท เธอเชื่อว่าหากถือไว้ยาว ๆ อย่างน้อยก็สามารถขายได้กำไรแน่นอน
แต่เรื่องราวกลับหักมุมอย่างเจ็บปวด…
🥀 ความฝันพังทลาย หลังผ่านไป 18 ปีจากทองแท้ กลายเป็นทองชุบ!
ตามที่เพจ “นะโม บ้านช่างทอง” โพสต์ ลูกค้ารายนี้เดินทางมาที่ร้านพร้อมวัตถุทองรูปปลาและภาชนะทองขนาดใหญ่ โดยตั้งใจจะนำมาขายเพื่อแลกเป็นเงินสด ซึ่งในใจคิดไว้แล้วว่าราคาทองน่าจะพุ่งขึ้นจากวันนั้นหลายเท่าตัว
เพราะถ้าเทียบกับน้ำหนักและขนาด หากเป็นทองแท้จริง ๆ ปัจจุบันจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ ราว 4-5 ล้านบาท เลยทีเดียว แต่เมื่อทีมช่างของร้านนะโมทำการตรวจสอบอย่างละเอียด กลับพบความจริงอันน่าตกใจว่า
“สิ่งที่เห็นว่าเป็นทองคำแท้นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียง ทองแดงชุบทอง ทั้งหมด!”
เมื่อทราบผล ลูกค้าถึงกับ ทรุดลงกับพื้น น้ำตาคลอ เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมั่นและเก็บรักษามานานเกือบ 20 ปี กลับไม่ใช่ทองคำจริงอย่างที่เชื่อมาโดยตลอด
เจ้าของร้านทองได้เล่าผ่านโพสต์ว่า เห็นใจลูกค้ามาก และถือว่านี่เป็น “บทเรียนราคาแพง” สำหรับใครที่นิยมซื้อทองเก็บ โดยเฉพาะจากร้านที่แม้จะมีชื่อเสียงหรือออกใบรับรองก็ตาม ก็ไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าสินค้านั้นเป็นทองแท้เสมอไป
💬 คำเตือนจาก “นะโม บ้านช่างทอง”: อย่าหลงเชื่อเพียงชื่อเสียงร้านหรือใบเซอร์
เจ้าของเพจ “นะโม บ้านช่างทอง” ซึ่งเป็นร้านทองที่มีชื่อเสียงในภาคกลาง ได้โพสต์ข้อความแนบคลิปพร้อมคำเตือนอย่างชัดเจนว่า
“อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบซื้อทองเก็บ บางครั้งร้านใหญ่ มีชื่อเสียง ให้ใบเซอร์รับรอง ก็ไม่สามารถการันตีได้เสมอไปว่าคุณจะได้ของแท้”
เขาอธิบายว่า การตรวจสอบทองคำที่แท้จริงจำเป็นต้องใช้ทั้งเครื่องมือและประสบการณ์จากช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะทองคำปลอมในปัจจุบันสามารถทำได้แนบเนียนมาก โดยเฉพาะงานทองชุบซึ่งมีสีสันเหมือนของจริงทุกประการ แต่เมื่อใช้เครื่องตรวจสอบเนื้อโลหะจะพบว่าเป็น ทองแดงหรือทองเหลือง ชุบทองเพียงบางส่วนเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีกรณีร้านทองบางแห่งใช้เทคนิค “หลอมผสม” ใส่ทองแท้เพียงบางส่วนในผิวชั้นนอก เพื่อให้ตรวจเบื้องต้นแล้วผ่าน แต่ภายในกลับเป็นโลหะอื่น ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ผู้ซื้อในระยะยาว
📜 เบื้องหลังการซื้อทอง “งานแฮนด์เมด” ที่กลายเป็นกับดัก
จากคำให้การของลูกค้าผู้เสียหาย เธอเล่าว่าตอนนั้นร้านขายได้ยืนยันว่า วัตถุทองที่ซื้อเป็น “งานทำมือ” ที่มีเอกลักษณ์พิเศษ สร้างขึ้นเพื่อเป็นของมงคล มีรูปปลาและภาชนะทอง ซึ่งตามความเชื่อหมายถึง “ความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่ง”
ผู้ขายย้ำว่าทองทั้งหมดใช้ทองคำแท้ 99.99% และยังมีการอ้างว่ามีพระเกจิชื่อดังมาร่วมปลุกเสกเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ามากขึ้นไปอีก
แต่ความจริงเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เชื่อมั่นกลับกลายเป็นภาพลวงตา เพราะเมื่อตรวจสอบจริงเนื้อทองไม่ผ่านทุกขั้นตอน แม้แต่การใช้กรดทดสอบทอง (Acid Test) ก็ไม่เกิดปฏิกิริยาแบบทองแท้ จึงแน่ชัดว่าเป็นของปลอม
🧑⚖️ ร้านทองแนะนำให้ “ดำเนินคดีทางกฎหมาย”
หลังผลตรวจออกมาว่าไม่ใช่ทองแท้ ทางร้านนะโม บ้านช่างทอง ได้แนะนำผู้เสียหายว่าให้รีบติดต่อ ทนายความ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับร้านต้นทาง เนื่องจากการขายสินค้าโดยแอบอ้างว่าเป็นทองแท้ ถือเป็นการ หลอกลวงผู้บริโภค ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค และเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน
นอกจากนี้ ทางร้านนะโมยังเสนอตัวที่จะช่วยประสานงานกับทีมกฎหมาย เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ 20 ปี แต่หากมีหลักฐาน เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรอง หรือชื่อร้านต้นทาง ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานยื่นฟ้องได้
⚖️ กฎหมายพูดว่าอย่างไร? กรณี “ขายทองปลอมแต่บอกว่าแท้”
ตามกฎหมายไทย มาตรา 341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ระบุไว้ชัดว่า
“ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้ง เพื่อให้ได้ทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ดังนั้น หากร้านทองต้นทางตั้งใจขายทองปลอมโดยอ้างว่าเป็นทองแท้ ย่อมเข้าข่าย “ฉ้อโกงประชาชน” โดยตรง
ส่วนในมุมกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หากลูกค้ามีหลักฐานชัดเจนว่าสินค้าถูกโฆษณาเกินจริง หรือระบุคุณสมบัติไม่ตรงตามจริง สามารถร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาได้อีกด้วย
💡 ทำไมทองปลอมถึงเหมือนทองแท้ได้ขนาดนี้?
นักอัญมณีและผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำอธิบายว่า ทองปลอมในปัจจุบันมีหลายประเภท ตั้งแต่ทองเหลือง ทองแดง ทองชุบ จนถึงทองผสม ซึ่งบางชนิดสามารถทำให้มี น้ำหนักและสีใกล้เคียงกับทองแท้มาก
โดยเฉพาะเมื่อผ่านกระบวนการ “ชุบไฟฟ้า” ที่เคลือบด้วยทองคำแท้บาง ๆ จะทำให้ดูเหมือนทองจริงทุกประการในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเงาจะลดลง สีเริ่มซีด และถ้าโดนน้ำหรือเหงื่อบ่อย ๆ ก็อาจขึ้นสนิมได้
ดังนั้น ผู้ที่ไม่มีเครื่องมือตรวจสอบหรือไม่ใช่ช่างทองมืออาชีพจึงยากมากที่จะรู้ว่าแท้หรือปลอม
🪙 ความเชื่อเรื่อง “ทองมงคล” ที่ถูกหลอกใช้
ในสังคมไทย ทองคำมักถูกมองว่าเป็นของมีค่าทางจิตใจและเศรษฐกิจ หลายคนซื้อทองเก็บไว้เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภ ความมั่งคั่ง และเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
แต่กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อดังกล่าวอาจถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด ร้านบางแห่งใช้คำว่า “ทองมงคล” หรือ “ทองปลุกเสก” เพื่อสร้างความศรัทธาและดึงดูดผู้ซื้อให้เชื่อว่าเป็นทองพิเศษ ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงทองปลอมที่ทำขึ้นเพื่อหวังผลกำไร
🏛️ เสียงจากชาวเน็ต: “เจ็บแต่ต้องจำ”
หลังโพสต์ของเพจ “นะโม บ้านช่างทอง” ถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นใจลูกค้าผู้เสียหาย และชื่นชมร้านนะโมที่กล้าออกมาเตือนอย่างตรงไปตรงมา
บางคอมเมนต์กล่าวว่า
“ทองไม่แท้แต่บทเรียนแท้มาก”
อีกหลายคนแชร์ประสบการณ์คล้าย ๆ กัน เช่น ซื้อเครื่องประดับทองคำจากร้านใหญ่แต่ภายหลังตรวจพบว่าเป็นทองผสม หรือทองปลอม
📍 บทเรียนสำคัญ: ซื้อทองอย่างไรไม่ให้โดนหลอก
จากเหตุการณ์นี้ ทางร้านนะโม บ้านช่างทองได้สรุปคำแนะนำให้ผู้บริโภคไว้ดังนี้
1. ซื้อทองจากร้านที่มีใบอนุญาตถูกต้องและอยู่ในระบบสมาคมค้าทองคำ
2. ขอใบเสร็จและใบรับรองคุณภาพทุกครั้ง โดยควรมีการระบุชัดว่าเป็นทองคำกี่เปอร์เซ็นต์
3. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่าเป็น “ทองแฮนด์เมด” หรือ “ทองปลุกเสก” หากไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
4. นำทองมาตรวจสอบที่ร้านอื่นเพื่อเทียบผลก่อนจ่ายเงินก้อนใหญ่
5. อย่าเก็บทองไว้โดยไม่ตรวจสอบนานเกิน 5 ปี เพราะหากมีปัญหาจะยากต่อการเรียกร้องภายหลัง
🕯️ จากเรื่องทองสู่เรื่องศรัทธา: ความซื่อสัตย์คือสิ่งล้ำค่ากว่าทอง
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความซื่อสัตย์ในวงการค้าทองคำที่ยังคงมีอยู่ แม้ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงง่าย การหลอกลวงผู้บริโภคก็ยังเกิดขึ้นได้
ทองคำอาจมีมูลค่าทางวัตถุ แต่ “ความซื่อสัตย์” มีมูลค่าทางศีลธรรมที่ไม่มีสิ่งใดแทนได้
ลูกค้าผู้เสียหายอาจสูญเงินไปกว่า 200,000 บาท แต่สิ่งที่สูญมากกว่านั้นคือ “ความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้เงินซื้อคืนไม่ได้
🔚 บทสรุป
เรื่องราวของลูกค้าผู้ซื้อทองรูปปลาชุดนี้ จึงเป็นมากกว่าข่าวเศร้าเรื่องการหลอกลวง แต่เป็นอุทาหรณ์สำคัญของผู้บริโภคทุกคนว่า
“ในยุคที่ของปลอมเหมือนของจริง สิ่งเดียวที่ต้องมีคือสติและการตรวจสอบ”
และสำหรับผู้ค้าทองทุกคน บทเรียนนี้ก็สะท้อนชัดว่า“ชื่อเสียงไม่ได้เกิดจากการขายของแพง แต่เกิดจากการขายของจริง”





















