เก่ง ลายพราง เปิดใจทั้งน้ำตา! เพื่อนยูทูบเบอร์ดังจบชีวิตไม่สำเร็จ ก่อนเจอมาหา
เก่ง ลายพราง หลั่งน้ำตากลางรายการ “มหัศจรรย์มู” สื่อสารดวงวิญญาณเพื่อนสนิทยูทูบเบอร์ผู้ล่วงลับ — ขนลุกทั้งกองถ่าย! เผยข้อความสุดท้าย ขอให้ไปเกิดไว ๆ
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องพูดถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อ “เก่ง ลายพราง” หรือชื่อจริงว่า “เก่ง ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย” อดีตแร็ปเปอร์ชื่อดังและยูทูบเบอร์สายฮา ได้ไปร่วมออกรายการ “มหัศจรรย์มู” ซึ่งบันทึกเทปที่วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสานที่หลายคนเชื่อว่าเป็นศูนย์รวมพลังจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม” พระเกจิชื่อดังแห่งแดนอีสาน
ในเทปดังกล่าว “เก่ง ลายพราง” เดินทางมาพร้อมเพื่อนสนิท โดยมีจุดประสงค์เพียงข้อเดียว — เขาอยาก “เจอดวงวิญญาณของเพื่อนคนหนึ่ง” ซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่เป็นคนที่เก่งรักและผูกพันเสมือนพี่น้องแท้ ๆ ทว่าเขาเลือกที่จะไม่บอกใครเลยแม้แต่ทีมงานหรือพิธีกรว่า “คนคนนั้นคือใคร”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าในรายการ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้นถึงกับ ขนลุกทั้งกองถ่าย เพราะสิ่งที่อาจารย์เน — ผู้ทำหน้าที่สื่อสารกับดวงวิญญาณในรายการ — ถ่ายทอดออกมา กลับตรงกับทุกสิ่งที่อยู่ในใจของเก่งแทบจะทั้งหมด!
จุดเริ่มต้นของการมาพบ “ดวงวิญญาณเพื่อนรัก”
ก่อนเริ่มการบันทึกเทป เก่ง ลายพราง เปิดเผยกับทีมงานสั้น ๆ ว่า เขามีเรื่องค้างคาใจมานาน อยากมาขออโหสิกรรมและพูดคุยกับเพื่อนที่เสียชีวิตไปเมื่อไม่นาน เพราะเขารู้สึกว่าตนเอง “ช่วยเพื่อนไม่ได้ในเวลาสุดท้าย”
“ตอนที่เขามาหาผม เขาบอกว่าอยากให้ผมขึ้นเงินเดือนให้เมียเขา ทั้งที่เมียเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผมก็เข้าใจนะ เขาอยากให้แฟนเขามีรายได้ เพราะเขารักแฟนมาก ผมเองตอนนั้นก็ขายปลาหมึกอยู่ ตลาดมันไม่ดีเลย ไม่ได้กำไร ผมก็เลยช่วยเขาไม่ได้… แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จากไป...”
เก่งเล่าด้วยน้ำตา เสียงสั่นเครือ ขณะพูดถึงความทรงจำที่ฝังแน่นอยู่ในใจ
ในเวลานั้น ทีมงานและพิธีกรของรายการยังไม่รู้เลยว่า “เพื่อนคนนั้นคือใคร” แต่เมื่อพิธีกรถามว่า ถ้าได้พูดกับเขาอีกครั้ง อยากจะบอกอะไร เก่งตอบทันทีว่า
“ผมอยากบอกเขาว่า ขอโทษที่ช่วยไม่ได้ อยากให้เขาไปเกิดไว ๆ อยากให้เขามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่านี้ เขาเป็นคนดีมาก ขยันมาก เขาไม่น่าคิดสั้นเลยจริง ๆ”
อาจารย์เนเริ่มสื่อสาร — เขียนชื่อเพื่อน “ตรงเป๊ะ”
เมื่อเข้าสู่ช่วงพิธี “สื่อสารกับดวงวิญญาณ” อาจารย์เน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อพลังจากอีกภพหนึ่ง ได้เริ่มสมาธิ ก่อนจะพูดออกมาว่ามี “พลังของชายคนหนึ่ง” ปรากฏขึ้นใกล้เก่ง ลายพราง
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องอึ้ง คือ อาจารย์เนหยิบกระดาษขึ้นมาและ “เขียนชื่อหนึ่งลงไป” ซึ่งเมื่อเก่งเห็นก็ถึงกับร้องไห้ออกมา พร้อมพยักหน้าว่า “ใช่ เขาคือคนที่ผมอยากเจอ”
แม้อาจารย์เนจะไม่รู้มาก่อนว่าชายผู้นั้นคือใคร แต่เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เหมือนเพื่อนของเก่งราวกับเห็นอยู่ตรงหน้า ทั้งลักษณะการยกมือ ท่าทางการพูด รวมถึงประโยคที่พูดว่า “พี่อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องร้องนะเว้ย” ซึ่งเป็นประโยคที่เพื่อนของเก่งชอบพูดเสมอ
เก่งพูดทั้งน้ำตา “เขาชอบพูดแบบนี้เลยครับ ชอบพูดเล่น ชอบทำท่าประหลาด ๆ ผมขนลุกเลย ตอนอาจารย์พูดออกมา มันใช่ทุกอย่าง”
ประโยคลึกลับจาก “ภาษาคุก” ที่ทำเอาเก่งอึ้ง
สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ คือจู่ ๆ อาจารย์เนก็เขียนประโยคหนึ่งลงบนกระดาษ เป็นคำที่ไม่มีใครเข้าใจความหมาย — แต่เมื่อเก่งเห็น เขากลับถึงกับยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า “นี่มันคำที่เขาพูดกับผมในคุก!”
“ผมมั่นใจเลยว่าอาจารย์เนไม่มีทางรู้ เพราะคำนั้นเป็นภาษาที่เราใช้กันเฉพาะตอนอยู่ข้างใน มันเป็นคำเล่นของพวกผมสองคน แปลประมาณว่า ‘จะสู้มั้ย?’ พออาจารย์เขียนออกมาคำนั้น ผมขนลุกทั้งตัวเลยครับ มันเหมือนเขาอยู่ตรงนี้จริง ๆ”
อาจารย์เนเล่าว่า ตอนเขียนคำนี้ออกมา ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แค่รู้สึกว่ามีเสียงในหัวพูดซ้ำ ๆ ให้เขาเขียน ก่อนจะพูดติดตลกว่า “ตอนแรกนึกว่าภาษาจีนซะอีก”
“ดวงวิญญาณเพื่อนรัก” ปรากฏเพื่อสื่อสารสิ่งที่ค้างคา
หลังจากนั้น อาจารย์เนเริ่มสื่อสารข้อความจากดวงวิญญาณ โดยกล่าวว่า “เขามาเพราะอยากบอกว่า เขาไม่ได้โกรธอะไรเก่งเลย เขารู้ว่าเก่งทำดีที่สุดแล้ว และเขาอยากให้เก่งหายเศร้า อย่าโทษตัวเองอีกต่อไป”
เก่งถึงกับก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก เขาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นแต่ไม่ไหว เพราะคำพูดนั้นตรงกับสิ่งที่เขาคิดในใจมาตลอด
“เขาเป็นคนดีมาก ขยันจริง ๆ ไม่ติดยา ไม่เที่ยว เขาแค่อยากมีชีวิตดี ๆ อยากให้แฟนเขามีความสุข เขาเป็นคนรักแฟนมาก เงินทุกบาทที่ได้จากขายของเขายกให้แฟนหมดเลย”
ในจังหวะนั้น อาจารย์เนพูดชื่อแฟนของเพื่อนเก่งออกมาได้อย่างแม่นยำ ทั้งที่ไม่มีใครบอกข้อมูลใด ๆ ล่วงหน้า ทำให้ทีมงานถึงกับขนลุก เพราะทุกอย่างตรงหมดทุกจุด
ความทรงจำระหว่าง “เก่ง” กับ “เพื่อนผู้จากไป”
เก่งเล่าว่า เขาและเพื่อนคนนี้รู้จักกันตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง ตอนนั้นทั้งคู่ใช้ชีวิตยากลำบาก ต้องดิ้นรนทุกทางเพื่อหารายได้ ทั้งขายของในตลาด ไปจนถึงทำยูทูบเพื่อสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ
“เขาเป็นคนสู้ชีวิตมากครับ แม้ตอนที่ป่วย เขายังไปต่อยมวยในรายการ ‘กาลครั้งหนึ่ง’ ทั้งที่ปอดไม่ดี เขาอยากพิสูจน์ตัวเองว่าเขายังทำได้ ยังสู้ไหว แต่สุดท้าย… เขาก็ไปไม่ถึงฝัน”
สิ่งที่ทำให้เก่งยังคาใจจนวันนี้คือ เขารู้ว่าเพื่อนกำลังเครียด มีปัญหาทั้งเรื่องเงินและความรัก แต่เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อยื่นมือช่วย “ตอนนั้นผมมัวแต่ยุ่งกับงาน ไม่คิดว่าเขาจะคิดสั้น ผมโทษตัวเองตลอดว่าทำไมไม่อยู่ตรงนั้นในวันที่เขาต้องการใครสักคน”
ปาฏิหาริย์กลางวัดหลวงปู่คำพันธ์
เหตุการณ์ในรายการวันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่การสื่อสารทางจิต แต่ยังมีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น กลิ่นธูปที่ลอยขึ้นมาทั้งที่ไม่มีใครจุด เสียงลมที่พัดแรงเฉพาะบริเวณโต๊ะบูชา และเสียงระฆังเบา ๆ ดังมาจากศาลาหลังเก่า ทั้งที่ไม่มีคนอยู่
ทีมงานหลายคนยืนยันว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงในระหว่างการบันทึกเทป และเมื่อจบรายการ หลายคนต่างพนมมือไหว้ขอขมาดวงวิญญาณของเพื่อนเก่ง รวมถึงกราบหลวงปู่คำพันธ์ เพื่อเป็นสิริมงคล
เก่ง ลายพราง ฝากข้อความสุดท้ายถึงเพื่อน
หลังจบพิธี เก่งกล่าวทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า เขารู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนจริง ๆ และได้ปลดล็อกสิ่งที่ค้างคาในใจมานาน “ผมรู้แล้วว่าเขาไปสบายแล้ว เขาไม่ได้ทุกข์แล้ว เขาอยากให้ผมสู้ต่อไป ผมสัญญาว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด”
เขายังฝากข้อความถึงเพื่อนที่ล่วงลับไปว่า
“ขอบคุณที่มาเจอกันนะเพื่อน ขอบคุณที่ยังคิดถึงกัน ผมจะจำทุกอย่างไว้ ขอให้ไปเกิดไว ๆ ขอให้ได้ชีวิตใหม่ที่มีความสุขกว่านี้”
รายการ “มหัศจรรย์มู” กลายเป็นกระแสใหญ่ในโลกออนไลน์
หลังรายการออกอากาศ คลิปวิดีโอจากเทปดังกล่าวถูกแชร์อย่างรวดเร็วในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะใน TikTok และ Facebook ที่มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นนับแสน บางคนบอกว่า “ดูแล้วร้องไห้ตาม” ขณะที่บางคนรู้สึก “ขนลุกตลอดเวลา” เพราะสิ่งที่อาจารย์เนพูดนั้นตรงเกินไป
แฟน ๆ หลายคนยังกล่าวชื่นชมเก่ง ลายพราง ว่า แม้เขาจะผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิต ทั้งการถูกวิจารณ์ การติดคุก และการกลับมาปรับตัวในสังคม แต่เขายังมีจิตใจที่อ่อนโยน ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก และไม่ลืมคนที่เคยอยู่ด้วยกันในวันที่ลำบาก
บทเรียนแห่งมิตรภาพและความสูญเสีย
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ชมตระหนักถึงพลังของมิตรภาพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความจริงของชีวิต — ว่าคนเราควรบอกรักและให้อภัยกันในขณะที่ยังมีเวลา เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่
เก่งกล่าวปิดท้ายอย่างซึ้งว่า
“ผมเคยมีชื่อเสียง เคยมีเงิน มีทุกอย่าง แต่สุดท้ายสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ‘เพื่อน’ คนที่อยู่กับเราตอนลำบาก มันหาไม่ได้อีกแล้ว”
สรุป
เหตุการณ์ในรายการ “มหัศจรรย์มู” ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการสื่อสารกับวิญญาณ แต่คือการเยียวยาหัวใจของคนที่ยังอยู่ การให้อภัยตัวเอง และการปล่อยวางจากความเจ็บปวดในอดีต
“เก่ง ลายพราง” ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า แม้คนเราจะเคยพลาด เคยล้ม หรือเคยมีอดีตแบบไหน แต่ความรัก ความจริงใจ และความผูกพันที่แท้จริง ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา — และอาจเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมโลกของคนเป็นกับคนตายเข้าไว้ด้วยกัน





















