"ฮุนเซน" เก่งแต่กับไทย? เงียบกริบไม่กล้าตอบโต้สหรัฐฯ–เกาหลีใต้ ปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การชี้นำของ “สมเด็จฮุนเซน” มักแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดกลับถูกตั้งคำถามอย่างหนักจากโลกออนไลน์ หลังเกิดกระแสข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่จาก “สหรัฐอเมริกา” และ “เกาหลีใต้” เดินทางเข้ากัมพูชาเพื่อร่วมสืบสวนและเจรจาเกี่ยวกับเครือข่าย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ” ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหลายแห่งของประเทศ — แต่รัฐบาลกัมพูชากลับ “นิ่งเงียบ” อย่างผิดปกติ
แหล่งข่าวระบุว่า ฝ่ายต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้ประสานกับทางการกัมพูชาเพื่อขอความร่วมมือในการส่งตัวพลเมืองชาวเกาหลีที่ถูกหลอกมาทำงานในคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ หลังพบว่ามีหลายคนถูกบังคับใช้แรงงาน ถูกยึดพาสปอร์ต และถูกควบคุมตัวอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในเมืองปอยเปตและสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอิทธิพลของกลุ่มทุนข้ามชาติและเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ฝังรากมานาน
แต่แทนที่รัฐบาลกัมพูชาจะออกมาชี้แจงหรือแสดงท่าทีตอบโต้ กลับปล่อยให้ทุกอย่างเงียบงัน ต่างจากกรณีที่มักออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ หรือโต้กลับไทยอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่มีประเด็นชายแดนหรือข้อขัดแย้งระดับภูมิภาค
หลายฝ่ายมองว่าท่าที “เงียบ” ของฮุนเซนและรัฐบาลชุดปัจจุบัน สะท้อนถึงความระมัดระวัง เพราะคู่กรณีครั้งนี้ไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย แต่เป็น “ชาติมหาอำนาจ” ที่มีบทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกอย่างสหรัฐฯ และพันธมิตรเกาหลีใต้ การเผชิญหน้าอาจนำมาซึ่งแรงกดดันทางการทูตและเศรษฐกิจที่กัมพูชาไม่อาจรับมือได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนมากได้แสดงความเห็นในทำนองว่า “ฮุนเซนมักกล้าแค่กับไทย” และ “นิ่งเมื่อเจอประเทศใหญ่กว่า” สะท้อนมุมมองของประชาชนที่รู้สึกถึง “สองมาตรฐาน” ในท่าทีของผู้นำกัมพูชา
เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลกัมพูชาในสายตานานาชาติ ว่าจะสามารถจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้จริง หรือเพียงแค่เลือกใช้ความแข็งกร้าวเฉพาะเวลาที่ตัวเองได้เปรียบเท่านั้น
อ้างอิง:https://www.facebook.com/share/p/1A1Wt9zhWs/






















