ภาพไวรัล สิงโตภูเขาเลี้ยงแมวส้ม? หรือภาพปลอม AI สร้าง (เช็กความจริง!)

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั่วทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลกได้เกิดกระแสไวรัลของภาพถ่ายที่ดูราวกับฉากในเทพนิยาย: สิงโตภูเขา หรือ พูม่า (Puma concolor) ตัวใหญ่ยักษ์กำลังนอนพักผ่อนอย่างสงบ โดยมีลูกแมวส้มตัวเล็กจิ๋ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นแมวบ้าน ไม่ใช่ลูกสิงโตภูเขา นอนอยู่ด้านหน้าอย่างใกล้ชิด ความน่าอัศจรรย์ของภาพที่สัตว์นักล่าผู้ยิ่งใหญ่กับลูกแมวต่างสายพันธุ์ดูราวกับเป็นแม่ลูกกันนี้ ได้พุ่งทะยานสู่ความสนใจของสาธารณชนอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นประเด็นถกเถียงอันร้อนแรง
ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดูอบอุ่นและไม่น่าเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนจำนวนมากต่างพากันแชร์ภาพนี้ด้วยความประหลาดใจและชื่นชมในความรักต่างสายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อสงสัยก็ได้ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถสร้างภาพที่สมจริงจนแทบแยกไม่ออก
แม้ว่าภาพนี้จะสร้างความรู้สึกที่ซาบซึ้งและประทับใจ แต่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามถึงความถูกต้องของภาพ หลายคนชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงและความอันตรายที่สิงโตภูเขา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าผู้ล่าที่ดุร้าย จะยอมให้ลูกแมวบ้านเข้ามาอยู่ใกล้ในลักษณะเช่นนี้ โดยไม่มีสัญชาตญาณการล่าเหยื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง
ข้อสงสัยที่ว่า "นี่คือภาพที่สร้างขึ้นจาก AI ปลอมหรือไม่" จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักในการวิเคราะห์ โดยพิจารณาจากแนวโน้มของภาพที่สร้างโดย AI ในปัจจุบัน ซึ่งมักจะมีการจัดองค์ประกอบที่ "สมบูรณ์แบบเกินจริง" หรือมีรายละเอียดบางอย่างที่บิดเบือนไปจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่เชื่อว่าเป็นภาพจริง พวกเขาอาจอ้างถึงกรณีศึกษาที่เคยเกิดขึ้นจริงในโลกของสัตว์ป่า ที่สัตว์ต่างสายพันธุ์สามารถสร้างความผูกพันขึ้นมาได้ อย่างเช่นกรณีของแม่สัตว์ที่พลัดพรากจากลูกแล้วรับลูกสัตว์ต่างสายพันธุ์มาเลี้ยงดู อย่างไรก็ตาม กรณีของสิงโตภูเขากับลูกแมวบ้านนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก เพราะสิงโตภูเขาจัดเป็นผู้ล่าที่กินเนื้อเป็นอาหาร
แต่สำหรับผู้ที่เชื่อว่าเป็นภาพปลอมที่สร้างโดย AI พวกเขามองว่าภาพนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ "ภาพหลอนตา" ที่ผลิตโดยโปรแกรม AI เพื่อกระตุ้นอารมณ์และเรียกยอดการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย (Engagement) โดยมีองค์ประกอบที่ถูกจัดวางอย่างจงใจให้ดู "น่ารัก" และ "มหัศจรรย์"
ไม่ว่าภาพนี้จะเป็นภาพถ่ายจริงที่หาได้ยากยิ่ง หรือเป็นเพียงงานศิลปะดิจิทัลที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์สำคัญในยุคปัจจุบัน คือ ความไม่เชื่อมั่นต่อภาพที่เห็น ในโลกออนไลน์
ภาพไวรัล "สิงโตภูเขากับลูกแมวส้ม" นี้จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวความสัมพันธ์ของสัตว์สองตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนต้องใช้ "วิจารณญาณ" ในการรับข้อมูลและภาพที่เผยแพร่บนโลกดิจิทัล การตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาและความเป็นไปได้ของภาพ ก่อนที่จะเชื่อและแชร์ต่อ จึงเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมีในยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง "ความจริง" กับ "ภาพลวง" นั้นพร่ามัวลงทุกที
😉 ชวนลองเข้ามาดูสถานการณ์น่าอึดอัดที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 😠
เปิดวาร์ป 10 อันดับ "สถานที่หลอนที่สุดในโลก" เมืองแม่มด "ซาเลม" ครองแชมป์! ในเอเชียมีแค่ญี่ปุ่นที่ติดโผ!
ประวัติวันฮาโลวีน: จากพิธีกรรมโบราณสู่เทศกาลแฟนซีแห่งศตวรรษ
ไขข้อสงสัย หากใช้เงินคนละครึ่งพลัสไม่หมดสามารถสมทบไปวันต่อไปได้ไหม
ชาวนาเขมรโอด! ปิดด่านทำพิษ “ข้าวราคาตก” – ขายไม่ได้ วอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือ
ดราม่าปลากระป๋องลาม! “บักบอย” ลั่น ปลากระป๋องตรา 3 แม่ครัว มีรากเหง้ามาจาก “กำแพงนครวัด” คนไทยสวนแรง “
บุกทลายโกดังใหญ่! เครื่องสำอางเถื่อนกว่า 70,000 ชิ้น มูลค่าทะลุ 7 ล้านบาท
เย็นใจริมธาร บ้านนา... เรื่องเล่าของสายน้ำและวิถีชุมชน
ประวัติวันฮาโลวีน: จากพิธีกรรมโบราณสู่เทศกาลแฟนซีแห่งศตวรรษ
เปิดสาเหตุ “เจนนี่” ยังไม่โอนเงิน 3 ล้าน หลัง “แม่เกตุ” ตัดพ้อสุดเจ็บกลางโซเชียล!
สังคมสลด! เปิดประวัติหมอผู้ราดน้ำร้อนเด็ก 3 ขวบ แผลเหวอะ-รักษาช้า สุดท้ายดับ เจอข้อมูลไม่ธรรมดา
คาร์นีย์จะพบกับสี จิ้นผิงของจีนในเกาหลีใต้
ชาวยิวอัลตร้าออร์ทอด็อกซ์นับพัน ประท้วงการเกณฑ์ทหารของอิสราเอล