หลงกลเพื่อน! หนุ่มอินเดียถูกหลอกไปเขมร ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สุดท้ายรอดปาฏิหาริย์เพราะตำรวจอินเดียช่วยทัน
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสะเทือนใจที่ตอกย้ำให้เห็นว่า “ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ” โดยเฉพาะในกัมพูชายังคงระบาดไม่หยุด ล่าสุดมีเหยื่อรายใหม่คือ อโศก หนุ่มชาวอินเดียวัย 28 ปี จากรัฐกรณาฏกะ ที่เพิ่งจบปริญญาตรีและกำลังหางานทำ หลังถูกเพื่อนสนิทชื่อ นิคเชป หลอกให้ไปสมัครงานด้านไอทีในกัมพูชา อ้างว่าจะได้เงินเดือนสูงถึง 80,000–100,000 รูปี ต่อเดือน
อโศกที่เห็นรายได้งามก็ตัดสินใจเดินทางไปทันที โดยมีนิคเชปพาเดินทางจากอินเดีย มาลงเครื่องที่กรุงเทพฯ ก่อนต่อรถเข้าเขมร แต่ทันทีที่ถึงปลายทาง ทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้าย เขาถูกยึดพาสปอร์ต วีซ่า และเอกสารสำคัญทั้งหมด ก่อนรู้ความจริงว่า “งานไอที” ที่ถูกชวนมานั้น แท้จริงคือ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินคนชาติเดียวกัน”
อโศกถูกบังคับให้ทำโปรไฟล์ปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดี เพื่อใช้หลอกเหยื่อบนแอปหาคู่ หลอกให้โอนเงินลงทุนในโครงการปลอม หากใครทำยอดได้ดี ก็จะมีรางวัลเป็นโทรศัพท์ไอโฟน แต่เขายอมรับว่าไม่อยากทำร้ายใคร ผลงานจึงต่ำกว่ามาตรฐาน จนถูกทำร้ายร่างกายและกักขังในห้องมืด
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่ออโศกแอบเตือนเหยื่อรายหนึ่งไม่ให้โอนเงินให้เขา เพราะรู้สึกผิดในใจ แต่การกระทำนั้นถูกแก๊งจับได้จากบันทึกแชต ทำให้เขาถูกซ้อมอย่างหนักและถูกขู่เรียกค่าไถ่ 13 ล้านรูปี หากอยากกลับบ้าน
ในสภาพสิ้นหวัง อโศกตัดสินใจโทรหาเพื่อนบ้านในอินเดียแทนญาติ เพราะเชื่อว่าคนนี้จะช่วยได้ ซึ่งกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุด — เพื่อนบ้านรีบแจ้งตำรวจทันที และเรื่องก็มาถึงหู รองสารวัตรท้องถิ่น ที่ให้ความสนใจกับคดีนี้เป็นพิเศษ
ตำรวจอินเดียพยายามประสานกับสถานทูตอินเดียในกัมพูชา แต่ถูกแจ้งว่าพื้นที่ที่อโศกถูกขังอยู่เป็น “เขตเอกชน” ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ รองสารวัตรจึงเปลี่ยนแผน ใช้ช่องทางกดดัน “นิคเชป” ผู้ชักชวนอโศก โดยตั้งข้อหาฉ้อโกงและค้ามนุษย์ พร้อมเรียกพ่อแม่ของนิคเชปมาสอบสวน
เมื่อรู้ว่าพ่อแม่อาจต้องติดคุก นิคเชปจึงตกอยู่ในความกลัว และสุดท้ายยอม “ขายเพื่อน” เพื่อเอาตัวรอด เขาไปแจ้งตำรวจเขมรว่าอโศกขโมยโทรศัพท์ของตนเอง เพื่อให้ตำรวจเข้ามาจับอโศก
ฟังดูเหมือนหักหลัง แต่กลับเป็นทางรอด — เพราะเมื่ออโศกถูกตำรวจเขมรจับตัว กระบวนการทางการทูตก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที สถานทูตอินเดียจึงรีบพาอโศกออกจากพื้นที่อันตรายและส่งเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถานทูต ก่อนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ระหว่างเตรียมกลับอินเดีย เจ้าหน้าที่สถานทูตได้เตือนว่า “อย่านำกระเป๋าหรือของใช้ส่วนตัวกลับไป” เพราะอาจถูกใส่ร้ายด้วยยาเสพติด — ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นความจริง แก๊งคอลได้ยัดยาไว้ในกระเป๋าของอโศก หวังให้เขาถูกจับที่สนามบินเพื่อปิดปาก
โชคดีที่อโศกเชื่อคำแนะนำ เขาจึงรอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด และได้กลับสู่อ้อมอกครอบครัวในที่สุด
ปัจจุบัน อโศกเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านเกิด และยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปทำงานต่างประเทศอีก ส่วน สารวัตรอินเดีย ผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลังภารกิจช่วยเหลือสำเร็จ ส่วน นิคเชป เพื่อนทรยศ ยังคงวนเวียนอยู่ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนความอันตรายของขบวนการค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้คนหนุ่มสาวที่มองหางานต่างประเทศ “ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอ” เพราะบางครั้งงานในฝันอาจกลายเป็น “หลุมพรางมรณะ” ที่ไม่มีทางกลับบ้านได้อีกเลย.






















