โซเชียลเดือด! ทูตจีนโดนถล่มหลังโพสต์หนุนกัมพูชา คนไทยแห่คอมเมนต์แรง
🌏 โซเชียลเดือด! หลัง ‘หวัง เหวินปิน’ ทูตจีนประจำกัมพูชา โพสต์สนับสนุนกัมพูชา – ชาวไทย-กัมพูชาแห่คอมเมนต์ถล่ม-ชื่นชมเพียบ
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 กลายเป็นวันที่โลกออนไลน์ของไทยและกัมพูชาคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากที่ หวัง เหวินปิน (Wang Wenbin) เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกัมพูชา โดยระบุว่า จีนจะสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการ ปกป้องอำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนา พร้อมยืนยันว่าจะเป็น พันธมิตรที่เชื่อถือได้ สำหรับการพัฒนาของกัมพูชา
โพสต์ของหวัง เหวินปิน ได้สร้างความฮือฮาและกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะในโลกโซเชียลไทยและกัมพูชา ซึ่งผู้คนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกันอย่างล้นหลาม
🇹🇭 ชาวเน็ตไทยโต้ตอบ “จีนเลือกข้างหรือไม่?”
หลังจากโพสต์ของทูตจีนเผยแพร่ออกไป มีชาวไทยจำนวนมากเข้าไปคอมเมนต์ทั้งใน เฟซบุ๊กส่วนตัวของหวัง เหวินปิน และใน เฟซบุ๊กของ Chinese Embassy in Bangkok (สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงเทพฯ) โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงท่าทีของจีน และเน้นย้ำถึง ความสำคัญของอธิปไตยและผลประโยชน์ชาติไทย ตัวอย่างความคิดเห็นบางส่วน เช่น
“ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติเป็นอันดับแรก ประเทศใดก็ตาม อย่างเช่นจีนที่สนับสนุนกิจกรรมที่บ่อน ทำลายบูรณภาพแห่งดินแดนหรือสันติภาพในภูมิภาค ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ สมดุล มากขึ้น เพื่อปกป้องเอกราช ความโปร่งใส และความมั่นคงในระยะยาว”
“เป็นชนชาติที่เห็นแก่ตัว ผิดถูกไม่รู้ รักษาผลประโยชน์ตัวเอง คงสันดานเดียวกับเขมร อยากได้ของคนอื่น มาทำธุรกิจในประเทศไทยก็เอาตัวเองได้ ฮัวเองทั้งนั้น กูขอประนามจีน ลับหลังก็ทำไทย ต่อหน้าอีกอย่าง”
“โอเค ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้จัดหาอาวุธให้กับชาวเขมร”
“สนับสนุนแก๊งคอลเซนเตอร์สุดยอดไปเลยจีน”
“ประเทศไทยไม่เคยรุกรานดินแดนของใครเลย ประเทศไทยมีแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ทุกประเทศมีแผนที่มาตราส่วนเดียวกัน ประเทศไทยมีสนธิสัญญากับฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม เพราะประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใคร”
“ต่อไปจีนอย่ามาบอกว่าเป็นพี่น้องกับประเทศไทย ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ทูตจีนประกาศออกมา ไทยเชื้อสายจีนได้รับรู้แล้วค่ะ ไทยเราไม่เคยเอาเปรียบคุณ เราคิดว่าเป็นพี่น้องอย่างที่ผู้นำคุณกล่าว วันนี้ตาสว่างแล้ว ขอบคุณ”
“จีนทำเพื่อผลประโยชน์ล้วน ๆ ไม่ยึดความถูกต้อง ชอบธรรมอะไรเลย แล้วไม่นึกถึงความสัมพันธ์กับไทยด้วย แย่มาก”
คอมเมนต์เหล่านี้สะท้อนความกังวลของชาวไทยว่าจีนอาจกำลัง เลือกข้างทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของไทยในอนาคต
🇰🇭 ฝั่งกัมพูชา ชื่นชมจีน – ขอบคุณการสนับสนุน
ในขณะเดียวกัน ชาวกัมพูชาจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาแสดงความ ชื่นชมและขอบคุณ ทูตจีนต่อโพสต์ของเขา โดยระบุว่า การสนับสนุนของจีนถือเป็นการช่วยเหลือประเทศกัมพูชาในการ รักษาสันติภาพและความมั่นคง
คอมเมนต์ของชาวกัมพูชาบางส่วนระบุว่า
“ขอบคุณมากค่ะ ช่วยหาความยุติธรรมให้กัมพูชา เพราะกัมพูชาต้องการสันติภาพ”
“ในนามของพลเมืองกัมพูชา ฉันขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อพลเมืองจีนและรัฐบาลจีนที่ร่วมกันแสวงหาสันติภาพให้กับชาวกัมพูชา และยังคงเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ในการพัฒนาของกัมพูชา”
ชาวกัมพูชามองว่าจีนเป็น พันธมิตรเชื่อถือได้ ที่พร้อมสนับสนุนด้านการพัฒนาและการรักษาความมั่นคงของประเทศ ทำให้กระแสโซเชียลแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างไทยกับกัมพูชา
📰 วิเคราะห์กระแสโซเชียล – ทำไมไทย-กัมพูชาแสดงความคิดเห็นตรงข้าม?
จากการติดตามและวิเคราะห์กระแสโซเชียล เห็นได้ว่าความคิดเห็นของประชาชนไทยและกัมพูชาแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสรุปเป็นแนวทางความคิดได้ดังนี้
1. ชาวไทย – ส่วนใหญ่แสดงความกังวลเรื่อง อธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ เน้นย้ำว่าประเทศไทยต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ สมดุล ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
2. ชาวกัมพูชา – ส่วนใหญ่รู้สึก ขอบคุณจีน ที่ให้การสนับสนุนและปกป้องประเทศจากความขัดแย้ง พร้อมเห็นว่าจีนเป็นพันธมิตรสำคัญในการพัฒนาและรักษาสันติภาพ
3. แนวโน้มการแสดงความเห็นบนโซเชียล – การโพสต์ของผู้แทนประเทศใหญ่ เช่น จีน มักกระตุ้นให้ผู้คนแสดงความเห็นทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งสะท้อนความรู้สึกทั้งความกังวลและความขอบคุณต่อบทบาททางการเมืองระหว่างประเทศ
นักวิเคราะห์มองว่า กระแสโซเชียลนี้สะท้อนถึง ความละเอียดอ่อนของนโยบายต่างประเทศ และความตื่นตัวของประชาชนไทยในการติดตามการเคลื่อนไหวของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค
🌐 ผลกระทบต่อภาพลักษณ์จีนในภูมิภาค
การที่หวัง เหวินปิน โพสต์ข้อความสนับสนุนกัมพูชาอย่างชัดเจน ทำให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ได้แก่
1. ภาพลักษณ์ต่อไทย – อาจถูกมองว่า “จีนเลือกข้าง” และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ ความสมดุลทางการเมืองในอาเซียน
2. ภาพลักษณ์ต่อกัมพูชา – ทำให้จีนถูกมองว่าเป็น พันธมิตรเชื่อถือได้ และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
3. กระแสประชาชน – ทั้งชาวไทยและกัมพูชาใช้โซเชียลเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย โดยมีทั้งความเห็นด้านบวกและด้านลบ สะท้อนถึง พลวัตทางสังคมและการเมืองในภูมิภาค
📌 ข้อสรุป
โพสต์ของ หวัง เหวินปิน ทำให้เห็นว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารนโยบายระหว่างประเทศ ประชาชนสามารถแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ได้ทันที และในสถานการณ์เช่นนี้ ชาวไทยและกัมพูชาต่างเห็นต่างกันอย่างชัดเจน
ชาวไทยแสดงความ กังวลเรื่องอธิปไตยและผลประโยชน์ชาติ
ชาวกัมพูชาแสดงความ ขอบคุณจีน ที่สนับสนุนความมั่นคงและสันติภาพ
ทั้งนี้ กระแสดังกล่าวยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายต่างประเทศผ่านโซเชียล และแสดงให้เห็นว่า ความคิดเห็นของประชาชนสามารถสะท้อนถึงความรู้สึกและท่าทีของประเทศได้
🌏 สรุปง่าย ๆ โพสต์ของหวัง เหวินปิน ทำให้ไทย-กัมพูชาแสดงความคิดเห็นต่างกัน โดยไทยกังวลเรื่องอธิปไตย ส่วนกัมพูชาชื่นชมการสนับสนุนของจีน แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นบนโซเชียลสามารถสะท้อน ความรู้สึกทางการเมืองและความมั่นคงของประชาชนได้อย่างชัดเจน






















