ดราม่าระดับประเทศ! นักร้องกัมพูชาถูกชาวเน็ตถล่มยับ แค่กินพิซซ่าฝีมือเชฟไทย กลับโดนหาว่าทรยศชาติ
🌶 โซเชียลเขมรเดือด! “ซูออส วีซ่า” นักร้องดังพร้อมสามีออกคลิปขอโทษ หลังเผลอทาน “พิซซ่าไทย” กลางร้านดัง เจ้าตัวยกมือไหว้สารภาพ “ลืมตัว พอเห็นซอสพริกถึงนึกได้!”
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงระดับประเทศ ที่ทำเอาโลกออนไลน์ของกัมพูชาแทบลุกเป็นไฟ!
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 สื่อออนไลน์หลายสำนักรวมถึงเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน” ได้รายงานข่าวดราม่าสุดแปลกประหลาด แต่กลับกลายเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา เมื่อคู่รักศิลปินชื่อดังอย่าง “ซูออส วีซ่า” (Suos Visa) นักร้องสาวเสียงทรงพลัง และสามีของเธอ ซึ่งเป็นนักร้องเช่นกัน ได้ตกเป็นกระแสดราม่าหลังถูกจับได้ว่า “ไปทานพิซซ่าของไทย” ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
🍕 จุดเริ่มต้นของดราม่า – แฟนคลับเห็นโลโก้ไทยบนกล่องพิซซ่า
เรื่องราวเริ่มต้นจากคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ว่อนใน TikTok และ Facebook ของประเทศกัมพูชา โดยมีภาพของ “ซูออส วีซ่า” และสามีนั่งทานพิซซ่าอย่างเอร็ดอร่อยในร้านอาหารแบรนด์ดัง ซึ่งมีโลโก้ภาษาไทยชัดเจนบนกล่องและขวดซอสพริกบนโต๊ะอาหาร
แม้คลิปจะไม่มีเสียงพูดใด ๆ แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเผยแพร่ ก็กลายเป็นกระแสถล่มทั่วโลกออนไลน์ มีแฟนคลับและชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์แสดงความไม่พอใจ โดยให้เหตุผลว่า “ศิลปินควรสนับสนุนสินค้าภายในประเทศ ไม่ใช่สินค้าจากประเทศคู่แข่ง”
บางคอมเมนต์ถึงขั้นบอกว่า “ในฐานะคนของสาธารณะ การเลือกกินอะไรในที่สาธารณะมีผลต่อภาพลักษณ์ของชาติ”
และอีกเสียงหนึ่งก็กล่าวว่า “คนอย่างซูออส วีซ่า เรารักนะ แต่คุณต้องคิดให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้มีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศอยู่”
💬 ซูออส วีซ่า อัดคลิปขอโทษกลางอินเทอร์เน็ต – ยอมรับ “ลืมตัวจริง ๆ”
หลังดราม่าขยายวงกว้างและติดเทรนด์อันดับต้น ๆ ของ Facebook กัมพูชา ทั้ง “ซูออส วีซ่า” และสามีจึงรีบออกมาขอโทษผ่านคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 3 นาที ซึ่งถูกอัปโหลดในทุกช่องทางโซเชียลของทั้งคู่
ในคลิปดังกล่าว ทั้งสองคนปรากฏตัวพร้อมครอบครัว โดยตั้งกล้องถ่ายในบรรยากาศจริงจังและใช้โทนเสียงนอบน้อม สามีของเธอเป็นฝ่ายกล่าวเปิดก่อนว่า
“ผมต้องขอโทษทุกคนจริง ๆ ครับ ผมยอมรับว่าผมทำผิดพลาด เพราะวันนั้นผมลืมตัวไป ตอนที่เข้าไปนั่ง ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าร้านนั้นเป็นร้านของไทย ผมแค่รู้สึกหิวและอยากทานพิซซ่าเท่านั้นเอง”
เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า
“ทันทีที่ผมหยิบขวดซอสพริกขึ้นมา และเห็นตัวอักษรภาษาไทย ผมถึงได้สติขึ้นมา แล้วก็รู้ทันทีว่าผมพลาดไปแล้ว ผมเดินออกจากร้านทันที และอยากขอให้ทุกคนให้อภัยผมด้วยครับ”
💔 ฝ่ายภรรยา “ซูออส วีซ่า” ย้ำไม่ได้มีเจตนา – ลั่น “แค่ลืมจริง ๆ”
จากนั้นไม่นาน “ซูออส วีซ่า” ก็โพสต์คลิปอีกรอบจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเธอกำลังเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการว่า
“ดิฉันต้องขอโทษแฟนเพลงทุกคน และขอโทษชาวกัมพูชาทั้งประเทศ ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายความรู้สึกของใครเลยค่ะ วันนั้นเราแค่ทานอาหารธรรมดา ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อรู้ว่าร้านนั้นเป็นร้านสัญชาติไทย ดิฉันก็รู้สึกเสียใจทันที ดิฉันลืมจริง ๆ ค่ะ และขอโอกาสให้เราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย”
เธอพูดจบพร้อมก้มหัวไหว้แบบนอบน้อม ซึ่งทำให้แฟนคลับบางส่วนเริ่มเห็นใจและส่งกำลังใจกลับมาให้
🌍 ดราม่านี้สะท้อนความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปพูดถึงในหลายเพจข่าวและกลุ่มออนไลน์ของกัมพูชา บางส่วนมองว่าเป็นเรื่อง “เล็กแต่ขยายใหญ่” เพราะเป็นเพียงการกินพิซซ่าเท่านั้น แต่บางกลุ่มกลับมองว่า การบริโภคสินค้าหรือแบรนด์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีประเด็นอ่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเมือง อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของศิลปินได้จริง
นักวิเคราะห์ด้านวัฒนธรรมจากสำนักข่าวท้องถิ่น “Cambodia Times” แสดงความคิดเห็นว่า
“กรณีของซูออส วีซ่า เป็นตัวอย่างคลาสสิกของความละเอียดอ่อนในโลกยุคดิจิทัล เมื่อทุกอย่างถูกจับตามอง แม้แต่การกินข้าว ก็อาจกลายเป็นประเด็นระดับประเทศได้”
เขายังเสริมว่า “สิ่งที่แฟนคลับบางส่วนต้องการไม่ใช่การลงโทษ แต่คือความรู้สึกว่า ศิลปินที่พวกเขารักยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นชาติกัมพูชา และไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง”
💡 จากพิซซ่า...ถึงบทเรียนชีวิตของคนดัง
หลังจากคลิปขอโทษของทั้งคู่ถูกเผยแพร่ออกไป กระแสในโซเชียลเริ่มเปลี่ยนทิศทาง แฟนคลับจำนวนมากต่างออกมาปกป้อง พร้อมให้กำลังใจว่า “ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะพลาดได้” และ “อาหารคือสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คน ไม่ควรถูกแบ่งแยกด้วยสัญชาติ”
หนึ่งในคอมเมนต์ที่ได้รับยอดไลก์สูงสุดในเพจข่าวได้เขียนไว้ว่า
“เราเข้าใจทั้งสองฝั่งนะ คนดังมีภาพลักษณ์ต้องรักษา แต่บางครั้งเราก็ต้องให้พื้นที่มนุษย์ธรรมดาในตัวเขาบ้าง”
ขณะเดียวกัน ร้านพิซซ่าดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญก็กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที มีรายงานว่าหลังเกิดดราม่า ยอดขายกลับพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีคนอยากลองพิซซ่าที่ “ทำให้ดาราระดับประเทศต้องขอโทษ”
😅 “ลืมตัว” กลายเป็นคำฮิตติดเทรนด์ #ลืมตัวChallenge
ภายหลังจากดราม่านี้ คำว่า “ลืมตัว” ที่ทั้งคู่พูดในคลิปขอโทษได้กลายเป็นไวรัลใน TikTok มีผู้ใช้จำนวนมากทำคลิปล้อเลียนหรือสร้างคอนเทนต์แนวขำขัน เช่น
คลิปคนถือขวดซอสพริกไทยแล้วทำท่าตกใจ “อุ๊ย! ลืมตัว!”
คลิปทำอาหารกัมพูชาแต่แอบใส่น้ำปลาไทย พร้อมติดแฮชแท็ก #ลืมตัวChallenge
กลายเป็นกระแสไวรัลที่สร้างเสียงหัวเราะ และทำให้บรรยากาศดราม่าตึงเครียดค่อย ๆ คลี่คลายลง
🧭 ด้านแฟนคลับไทยแห่คอมเมนต์ให้กำลังใจ
ไม่เพียงแต่ในกัมพูชาเท่านั้น แต่ในประเทศไทยเองก็มีแฟนคลับของซูออส วีซ่า เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ของเธอจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่า “ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย” และ “ศิลปินคือคนของโลก ไม่ใช่ของชาติใดชาติหนึ่ง”
หลายคนยกย่องทั้งคู่ในความกล้าที่จะออกมาขอโทษอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะบุคคลสาธารณะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
🕊 สรุปบทเรียนจากดราม่าพิซซ่า
จากเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า ในยุคโซเชียลมีเดีย “ทุกการกระทำ” ของคนดังอาจกลายเป็นประเด็นได้เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อประเด็นนั้นเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของชาติ วัฒนธรรม หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องราวนี้ก็สะท้อนถึงพลังของการสื่อสารเชิงบวก เมื่อทั้งคู่เลือกจะรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการออกมาขอโทษอย่างสุภาพและจริงใจ จนในที่สุดจากดราม่าที่เริ่มต้นด้วย “ซอสพริกบนโต๊ะ” กลับกลายเป็น “บทเรียนชีวิต” ที่หลายคนยกย่อง
📍สรุป: จากพิซซ่า 1 ถาด สู่วิกฤติภาพลักษณ์ระดับชาติ
เหตุการณ์ “ซูออส วีซ่า” และสามีทานพิซซ่าไทยแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ในมุมมองของใครหลายคน แต่กลับกลายเป็นไวรัลที่คนทั้งประเทศพูดถึง เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของสังคมยุคใหม่ ที่โลกออนไลน์จับตามองทุกฝีก้าวของคนดัง
และในท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้เธอได้รับการให้อภัยจากแฟนคลับจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะคำพูดในคลิป แต่เป็นเพราะ “ความจริงใจ” และ “ความกล้าที่จะยอมรับผิด”ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในวงการบันเทิงทุกประเทศ






















