ดราม่าโซเชียล! ลูกค้าสาวฟ้องไรเดอร์ 1.6 หมื่น หลังรถล้มเพราะนั่งผิดท่า
ดราม่าสนั่นโซเชียล! ลูกค้าสาวแจ้งความเรียกค่าเสียหาย 16,000 บาท หลังโดยสารแล้วรถล้ม ไรเดอร์ผ่อนจ่ายงวดละ 2,000 แต่รู้สึกไม่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กลายเป็นประเด็นดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “เจ้ ม้อย v+” โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไรเดอร์หนุ่มรายหนึ่ง ที่ได้รับงานรับส่งลูกค้าจากคอนโดแห่งหนึ่ง แต่กลับพบปัญหาไม่คาดคิดจนกลายเป็นข่าวดังในโซเชียล มีเนื้อหาคร่าว ๆ ดังนี้
เหตุการณ์เริ่มจากไรเดอร์หนุ่มได้รับงานไปส่งลูกค้าสาวจากคอนโด หลังรับลูกค้าแล้ว ขณะขับรถผ่านแอ่งน้ำบริเวณหน้าคอนโด รถเกิดลื่น แต่โชคดีที่ไม่ได้ล้มลง ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม รองเท้าแบรนด์เนมที่ลูกค้าใส่มาได้รับความเสียหาย
ไรเดอร์หนุ่มเล่าว่า หลังเกิดเหตุ เขาได้สอบถามลูกค้าว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ และถามว่าจะไปหาหมอหรือเปล่า ลูกค้าตอบกลับว่า “ให้ยกเลิกงาน” ทำให้เขากดยกเลิกงานทันที และลูกค้าก็เดินขึ้นคอนโดไปโดยยังไม่ได้มีการตกลงเรื่องค่าเสียหายใด ๆ
ต่อมา ไรเดอร์รับงานต่ออีก 2-3 งาน แต่ไม่นาน เจ้าหน้าที่ศูนย์กลาง CC ติดต่อให้ไปที่สถานีตำรวจพญาไท เพื่อแจ้งความเรียกค่าเสียหาย รองเท้าแบรนด์เนมราคาประมาณ 16,000 บาท โดยลูกค้าสาวยืนยันว่าต้องชดใช้เต็มจำนวน หากซ่อมจะเสียประมาณ 1,600 บาท แต่ลูกค้าไม่ยอม ให้ซื้อรองเท้าใหม่แทน
เนื่องจากไรเดอร์ไม่ได้มีเงินสดจำนวนดังกล่าว จึงตกลงกับลูกค้าในการผ่อนจ่ายเป็น 8 งวด งวดละ 2,000 บาท โดยจ่ายไปแล้ว 2,000 บาทที่สถานีตำรวจ แต่เขารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ไม่เป็นธรรม เพราะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
มุมมองโซเชียลและชาวเน็ต
หลังโพสต์เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่บนเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งให้กำลังใจไรเดอร์ และตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของการเรียกค่าเสียหาย
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า “เป็นอุบัติเหตุชัด ๆ ทำไมต้องบังคับซื้อรองเท้าใหม่เต็มราคา?” ขณะที่บางคนชี้ว่าลูกค้าอาจเกินกว่าเหตุ เพราะราคาซ่อมไม่ถึง 10% ของราคาซื้อใหม่
ในขณะเดียวกัน บางคอมเมนต์ระบุว่าการเรียกร้องค่าเสียหายเต็มจำนวนถือว่าเป็นสิทธิ์ของลูกค้า แต่ควรใช้วิธีพูดคุยตกลงกันอย่างเหมาะสมก่อน ไม่ใช่พาไปแจ้งความทันที ซึ่งอาจสร้างความกดดันให้กับผู้ให้บริการอย่างไรเดอร์
แง่มุมทางกฎหมายและสิทธิผู้เสียหาย
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การเรียกค่าเสียหายจากอุบัติเหตุแบ่งเป็นกรณีต่าง ๆ หากเกิดจากความประมาทของคู่กรณี การเรียกค่าเสียหายเต็มจำนวนถือเป็นสิทธิ์ได้ แต่กรณีนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากสภาพถนนลื่น มีสาเหตุจากน้ำขังหน้าคอนโด ไม่ใช่ความประมาทโดยตรงของไรเดอร์
กฎหมายแพ่งมาตรา 420 ระบุว่า ผู้ใดกระทำละเมิดต่อบุคคลอื่นโดยประมาทหรือโดยตั้งใจ ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดโดย “แรงบังคับจากธรรมชาติ” หรือ “เหตุสุดวิสัย” อาจลดหรือยกเว้นความรับผิดบางส่วนได้
นักกฎหมายที่ปรึกษาด้านผู้บริโภคชี้ว่า “ไรเดอร์สามารถต่อรองได้ว่าค่าเสียหายควรเป็นราคาซ่อมรองเท้า ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมที่สุด” หากลูกค้าฝ่ายเดียวยืนยันให้ซื้อใหม่ทั้งหมด การบังคับให้ชำระเต็มจำนวนโดยไม่ยินยอมอาจถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้ให้บริการ
ข้อคิดสำหรับผู้ใช้บริการและไรเดอร์
เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการสื่อสารระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการในยุคดิจิทัล ที่ทั้งสองฝ่ายต้องรักษาความเข้าใจซึ่งกันและกัน หากเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย ควรทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจสอบความเสียหายจริง: ประเมินว่าค่าเสียหายเกิดขึ้นจริงเท่าไหร่ ราคาซ่อมหรือราคาซื้อใหม่
2. เจรจาตกลงกันก่อน: พยายามพูดคุยหรือทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
3. กรณีไม่ตกลงกัน: หากจำเป็นต้องไปดำเนินคดีทางกฎหมาย ควรมีหลักฐานเช่นใบเสร็จ รูปถ่าย หรือคลิปเหตุการณ์ประกอบ
4. ระมัดระวังพื้นที่: ผู้ให้บริการควรระมัดระวังสภาพถนนและสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้โดยสารเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้
เหตุการณ์รองเท้า 16,000 บาท กลายเป็นตัวอย่างให้ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการเรียนรู้ว่า แม้อุบัติเหตุจะเกิดโดยไม่ตั้งใจ แต่การสื่อสารที่เหมาะสมและความเข้าใจซึ่งกันและกันมีความสำคัญอย่างมาก หากผู้เสียหายและผู้ให้บริการมีการเจรจาที่ดี เรื่องราวอาจจบลงด้วยความยุติธรรมโดยไม่ต้องถึงขั้นแจ้งความ
ในแง่ของสังคมออนไลน์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถกลายเป็นดราม่าไวรัลได้อย่างรวดเร็ว ผู้คนพร้อมแสดงความคิดเห็นและแชร์เรื่องราวต่อทันที ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องควรระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลและควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง
นอกจากนี้ เหตุการณ์ยังเป็นบทเรียนให้ลูกค้ารับผิดชอบต่อสิ่งของของตัวเองด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนผู้ให้บริการว่า การขับขี่หรือรับส่งผู้โดยสารต้องระมัดระวังอย่างสูง และควรประเมินความเสี่ยงจากสภาพถนนหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว
สรุป
เหตุการณ์ดราม่ารองเท้าแบรนด์เนมราคา 16,000 บาท แม้จะเกิดจากอุบัติเหตุ แต่กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลและสร้างความกังวลใจให้ทั้งไรเดอร์และผู้บริโภค เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการเจรจา การใช้สติในการจัดการเหตุการณ์ และความเข้าใจในสิทธิ์และหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย
สุดท้าย เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องรองเท้าเสีย แต่เป็นตัวอย่างสะท้อนสังคมไทยยุคใหม่ ที่ทุกการกระทำสามารถถูกบันทึก แชร์ และวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ทั้งนี้ การรู้จักรักษาความเป็นธรรม และมีสติในทุกสถานการณ์ จะช่วยลดดราม่าและความขัดแย้งในสังคมได้อย่างแท้จริง















