ไม่รอดอีกคน! “พระมหาอุเทน” ถูกขับออกจากวัดชนะสงคราม ปมดราม่าระอุโซเชียล
🔥 “พระมหาอุเทน” ประกาศถูกขับออกจาก “วัดชนะสงคราม” หลังดราม่าปะทะ “แพรรี่ ไพรวัลย์” – แหล่งข่าวยัน ยังแค่ภาคทัณฑ์!
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์และโลกโซเชียลอีกครั้ง สำหรับกรณีของ พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดชนะสงคราม ซึ่งล่าสุดได้ออกมาประกาศผ่านคลิปเทศนาว่า ตนเอง ถูกขับออกจากวัดชนะสงคราม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเกิดกระแสปะทะคารมอย่างดุเดือดกับ “แพรรี่ ไพรวัลย์” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์และผู้สื่อสารธรรมะในแนวร่วมสมัย
พระมหาอุเทนได้เปิดใจกลางบทเทศน์ในวัน แรม 1 ค่ำ หลังออกพรรษา ว่า นี่จะเป็นการแสดงธรรมครั้งสุดท้ายของตน ณ สถานที่ที่เคยใช้เผยแผ่พระธรรมมาตลอดหลายปี พร้อมทั้งกล่าวประโยคสะเทือนใจว่า
“ทางโลกข้างนอกจบสวย แต่ทางธรรมข้างในจบช่วย...”
โดยท่านได้ระบุว่า ตนเองได้รับมติจากสงฆ์ให้ ออกจากวัดชนะสงคราม และต้องไปแสวงหา “เสนาสนะใหม่” หรือต้องไปจำวัดในเขตอื่นแทน ซึ่งเป็นผลจากการลงโทษในลักษณะ “ภาคทัณฑ์” จากเจ้าคณะผู้ปกครองในคณะ 9
อย่างไรก็ตาม หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไม่นาน พระมหาอุเทนก็ได้ลบคลิปออกจากช่องยูทูบส่วนตัวทันที แต่ไฟดราม่ากลับลุกลามยิ่งกว่าเดิม เพราะชาวโซเชียลจำนวนมากต่างตั้งคำถามว่า เหตุใดพระนักเทศน์ชื่อดังถึงถูกลงโทษหนักขนาดนี้
🪔 ย้อนที่มาดราม่า “พระมหาอุเทน – แพรรี่ ไพรวัลย์”
ต้นตอของเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากคลิปเทศน์ของพระมหาอุเทนที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องเพศสภาพในสังคมปัจจุบัน โดยบางช่วงบางตอนมีถ้อยคำที่ ถูกมองว่าเหยียดเพศ และพาดพิงถึง “บุคคลที่เคยบวชมาก่อน” ในลักษณะชัดเจน
หลายคนจึงโยงว่า พระมหาอุเทนกำลังพูดถึง “แพรรี่ ไพรวัลย์” ที่เป็นอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง เพราะเนื้อหาบางตอนมีการใช้คำที่สื่อถึง “การเปลี่ยนแปลงทางเพศ” และ “พฤติกรรมหลังลาสิกขา”
ด้านแพรรี่ ไพรวัลย์ เมื่อเห็นคลิปดังกล่าวก็ไม่รอช้า ออกมาตอบโต้ทันทีผ่านไลฟ์สดและโพสต์ข้อความเชิงเหน็บแนมกลับอย่างตรงไปตรงมา โดยตั้งคำถามถึงจริยธรรมของพระนักเทศน์ที่ใช้ธรรมะไปในทางเหยียดผู้อื่น พร้อมระบุว่า
“ถ้าเทศน์ธรรมะแล้วต้องเหยียดคนอื่น มันไม่ใช่ธรรมะ มันคืออัตตา”
ข้อความดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวเน็ตจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ ที่รู้สึกว่าการใช้คำลักษณะนั้นไม่เหมาะสมกับสมณเพศและบทบาทของผู้เผยแผ่ธรรม
⚖️ พระมหาอุเทนเปิดใจกลางธรรม – ยืนยัน “พูดตามเหตุและกรรม”
ในคลิปเทศน์ล่าสุด พระมหาอุเทนได้เปิดใจถึงเบื้องหลังของการถูกลงโทษว่า ตนพูดทุกอย่าง ตามธรรมและตามกรรม โดยไม่เจตนาโจมตีใคร แต่ยอมรับว่า การยกตัวอย่างที่มีลักษณะ “บุคลาธิษฐาน” อาจทำให้ผู้ถูกพาดพิงรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือเข้าใจว่าตนเองถูกดูหมิ่น
“อาตมาพูดตามเหตุและกรรม ไม่ได้มีเจตนาเหยียดใคร แต่คนที่ไม่ได้พิจารณาธรรม ก็ย่อมโกรธเป็นธรรมดา”
พระมหาอุเทนยังกล่าวด้วยว่า ความไม่พอใจของบางฝ่ายเกิดจาก “โทสาคติ” หรืออคติที่สะสมมานาน จนกลายเป็นความเกลียดชังส่วนตัว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ตนถูกมองว่า “สร้างความแตกแยกในวงการสงฆ์”
“เมื่อมีโทสาคติ ไม่ชอบอาตมามาตั้งแต่ต้น ก็ย่อมทำให้อาตมาถูกขับออกจากวัดได้ง่าย”
🕯️ มติสงฆ์ยังไม่ถึงขั้น “ขับไล่” – ภาคทัณฑ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ THE Buddh รายงานอ้างแหล่งข่าวภายในวัดชนะสงครามที่น่าเชื่อถือ ยืนยันว่า พระมหาอุเทนยังไม่ได้ถูกขับออกจากวัดอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ “พระมหาเถระมีมติให้ลงภาคทัณฑ์ไว้”
ซึ่งการลงภาคทัณฑ์ หมายถึงการ “ว่ากล่าวตักเตือน” และให้ไปจำวัดในที่อื่นชั่วคราว เพื่อให้ได้ทบทวนการกระทำของตน ไม่ได้เท่ากับการขับพ้นจากสมณเพศหรือการไล่ออกจากวัดโดยถาวร
แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ พระมหาอุเทนเคยได้รับการตักเตือนจากเจ้าคณะหลายครั้งแล้ว เนื่องจากมีพฤติกรรมการแสดงธรรมที่ “ตรงเกินไป” และมักมีการพาดพิงบุคคลอื่นในลักษณะที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ซึ่งครั้งนี้ถือเป็น “ครั้งที่สาม” ที่ท่านละเมิดคำสั่ง
“จึงมีมติให้ภาคทัณฑ์ไว้ และให้ไปอยู่ในวัดอื่น เพื่อไม่ให้เกิดกระแสต่อต้านในสังคมสงฆ์เพิ่มขึ้นอีก”
💬 เสียงสะท้อนจากสังคม – ความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ความคิดเห็นของประชาชนแบ่งออกเป็นสองฝั่งชัดเจน
ฝั่งหนึ่งเห็นใจพระมหาอุเทน โดยมองว่าท่านเพียงแต่ “พูดตรงเกินไป” และสะท้อนความจริงทางศาสนา ไม่ได้มีเจตนาเหยียดใคร แต่อีกฝั่งกลับมองว่าการใช้ถ้อยคำพาดพิงเพศสภาพในเชิงลบ ไม่ควรเกิดขึ้นจากพระสงฆ์ เพราะขัดต่อหลักเมตตาและความเสมอภาคทางจิตใจ
บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) มีแฮชแท็ก #พระมหาอุเทน ติดเทรนด์อันดับต้น ๆ ของวัน โดยมีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ทั้งในเชิงศาสนา จิตวิทยา และสิทธิมนุษยชน
📿 พระมหาอุเทนลบคลิป – แต่คำสอนยังคงอยู่ในใจศิษย์
แม้ว่าคลิปต้นฉบับที่พระมหาอุเทนประกาศถูกขับออกจากวัดจะถูกลบออกจากยูทูบไปแล้ว แต่มีผู้บันทึกไว้และแชร์ต่อในหลายช่องทาง ทำให้ยังคงถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
ลูกศิษย์บางคนที่เคยติดตามธรรมเทศนาของพระมหาอุเทนมาอย่างยาวนาน ต่างออกมาแสดงความเสียใจ พร้อมยืนยันว่า ท่านเป็นพระที่มีความรู้และมีเมตตา เพียงแต่อาจใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมในบางครั้ง
“ท่านเทศน์แรงก็จริง แต่พูดจากธรรมะล้วน ๆ ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร” — ความเห็นจากศิษย์รายหนึ่งในคอมเมนต์
🛕 สรุปสถานการณ์ปัจจุบัน
ณ ตอนนี้ (ข้อมูลล่าสุด) พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ ยังคงมีสมณเพศอยู่ เพียงแต่ถูก “ลงภาคทัณฑ์” และอาจต้องย้ายออกจากวัดชนะสงครามเป็นการชั่วคราว เพื่อสงบกระแสดราม่าและทบทวนการเผยแผ่ธรรมในอนาคต
ส่วนฝั่งของแพรรี่ ไพรวัลย์ ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มเติมหลังจากเหตุการณ์ล่าสุด แต่มีการโพสต์ข้อความสั้น ๆ ว่า
“ธรรมะไม่ควรมีอคติ... ถ้ามี นั่นไม่ใช่ธรรมะ”
ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นการสื่อถึงประเด็นนี้โดยตรง
📌 บทสรุป
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นข่าวดังในวงการศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพของ ความเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย ที่ศาสนาและสังคมต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่าง ทั้งในเรื่องความคิด ความเชื่อ และเพศสภาพ
คำถามที่สังคมกำลังถกกันอยู่ในขณะนี้คือ“ธรรมะควรเข้มงวดกับผู้เผยแผ่ หรือควรเปิดกว้างต่อทุกเพศ ทุกมุมมองของมนุษย์?”
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร เหตุการณ์ของ “พระมหาอุเทน” ครั้งนี้ คงจะกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการสงฆ์ไทย ที่จะถูกพูดถึงอีกยาวนาน...




















