บอย ท่าพระจันทร์ โพสต์เดือด หลังจบโหนกระแส “ความจริงอยู่ข้างความจริงเสมอ”
บอย ท่าพระจันทร์ ฝากข้อคิดหลังจบรายการโหนกระแส ปกป้องวงการพระเครื่อง
วงการพระเครื่องไทยเพิ่งผ่าน รายการถกเถียงเดือดแห่งปี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 กับการโต้วาทีระหว่าง บอย ท่าพระจันทร์ และ โอ๊ต บางแพ ที่กลายเป็นประเด็นร้อนสะเทือนวงการพระเครื่องไทย หลังมีการพูดถึง เหรียญหลวงปู่ทวด ปี 08 ว่าเป็นพระแท้หรือพระเก๊ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้คนในวงการและนักสะสมพระให้ความสนใจอย่างมาก
แม้หลังจบรายการจะยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนสำหรับคำถามที่ว่าเหรียญดังกล่าวแท้หรือเก๊ แต่สิ่งที่หลายคนจับตามองคือ โพสต์ล่าสุดของบอย ท่าพระจันทร์ ที่ฝากข้อคิดสะท้อนถึงวงการพระเครื่อง และยืนยันความตั้งใจของเขาในการ ปกป้องความจริงและผู้ที่ยึดมั่นในพระแท้
🏆 การประชันวิวาทะที่รายการโหนกระแส
รายการโหนกระแสครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญในการเผยให้เห็น ความเห็นที่แตกต่างและเข้มข้นในวงการพระเครื่อง
บอย ท่าพระจันทร์ ยืนกรานว่า การพิสูจน์พระแท้ต้องอิงหลักทางวิชาการและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนโอ๊ต บางแพ มุ่งเน้นการอธิบายเชิงประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัว
การประชันนี้เต็มไปด้วยอารมณ์และความตึงเครียด แต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมและแฟน ๆ ได้เห็น มาตรฐานและแนวทางการพิสูจน์พระแท้ที่หลากหลาย
บอย ท่าพระจันทร์ ไม่เพียงแต่ยืนยันความถูกต้องของหลักการ "ตัวตัด" หรือร่องรอยแม่พิมพ์เป็นหลักในการพิสูจน์พระแท้ แต่ยัง เน้นย้ำถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของวงการพระเครื่อง ที่ต้องได้รับการปกป้องจากการบิดเบือนและข้อมูลผิด ๆ
📸 โพสต์ล่าสุดของบอย หลังรายการ
หลังรายการจบ บอย ท่าพระจันทร์ได้โพสต์ภาพคู่กับ พิธีกรหนุ่ม กรรชัย ดำเนินรายการ พร้อมข้อความสะท้อนข้อคิดและความรู้สึกของเขาต่อเหตุการณ์ในรายการ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
"พระแท้หรือไม่แท้... คำตอบอยู่ที่เหรียญ ไม่ใช่คำพูด
ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เสมอ ทุกข้อความ ทุกคำพูดดี ๆ มีค่ามากสำหรับผมครับ
#ผมรักและศรัทธาในวงการพระเครื่อง วงการนี้ให้ชีวิต ให้โอกาส และให้ตัวตนของผมมีวันนี้ได้
วันนี้ ผมเพียงต้องการใช้ 'คำพูดของผม' เพื่อตอบแทนและปกป้องวงการพระเครื่อง รวมถึงคนที่ยึดมั่นในพระแท้ เพราะผมเชื่อว่าในทุกวงการ ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่สุดท้าย... ความจริงจะอยู่ข้างความจริงเสมอ
ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในรายการ #โหนกระแส วันนี้ น่าจะเป็นคำตอบทั้งหมดแล้วครับ ขอบคุณจากใจจริง บอย ท่าพระจันทร์"
โพสต์นี้เป็นทั้ง การสะท้อนความตั้งใจและความซื่อสัตย์ ของบอยในการปกป้องวงการพระเครื่องไทย รวมถึงการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่หวั่นต่อความเห็นแย้งหรือแรงกดดันจากสังคมออนไลน์
💬 ข้อคิดที่บอยฝากไว้
1. พระแท้หรือไม่แท้ คำตอบอยู่ที่หลักฐาน
การพิสูจน์พระแท้ไม่ใช่เรื่องของการฟังคำพูดหรือเชื่อคำอ้าง แต่ต้องพิจารณาจากร่องรอยแม่พิมพ์ หรือที่เรียกว่า "ตัวตัด"
ข้อสังเกตอื่น ๆ เช่น ความหนา น้ำหนัก หรือรูปลักษณ์ภายนอก อาจช่วยในการตัดสินใจ แต่ไม่ใช่หลักฐานชี้ชัด
2. วงการพระเครื่องให้ชีวิตและโอกาส
บอยชี้ให้เห็นว่า การอยู่ในวงการพระเครื่องช่วยให้เขามีอาชีพ มีตัวตน และได้รับความเชื่อถือจากผู้คน
การทำงานในวงการนี้ต้องมีความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อหลักวิชาการและต่อผู้สะสม
3. ความจริงอยู่ข้างความจริงเสมอ
แม้ว่าจะมีความเห็นแตกต่างหรือคำวิจารณ์จากสังคมออนไลน์ ความจริงและหลักฐานทางวิชาการจะเป็นตัวชี้ขาด
การยึดมั่นในความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
4. การใช้คำพูดเพื่อตอบแทนและปกป้องวงการ
บอยระบุว่าเขาใช้คำพูดและความรู้ของตัวเองเพื่อ ปกป้องวงการพระเครื่องและคนที่ยึดมั่นในพระแท้
ข้อความนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของเขาในการรักษามาตรฐานและศักดิ์ศรีของวงการ
🔍 ปฏิกิริยาจากแฟนคลับและวงการพระ
โพสต์ของบอย ท่าพระจันทร์ได้รับ กำลังใจอย่างล้นหลาม จากแฟน ๆ นักสะสมพระและผู้ที่ติดตามวงการพระเครื่อง
แฟนคลับส่วนใหญ่ชื่นชมความตรงไปตรงมาของเขา
หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางของบอยในการใช้ หลักฐานเชิงวิชาการ มากกว่าความเห็นส่วนตัว
นักสะสมรุ่นใหม่และเซียนพระบางคนระบุว่า การโต้วาทีเช่นนี้ช่วย ยกระดับมาตรฐานวงการพระเครื่อง ให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
นอกจากนี้ บอยยังได้แสดงความ ขอบคุณทุกกำลังใจและคำพูดดี ๆ ที่ส่งถึงเขา ทำให้แฟนคลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนจริงใจและใส่ใจต่อผู้สนับสนุน
🌐 การโต้วาทีสะท้อนมาตรฐานวงการพระเครื่อง
กรณีเหรียญหลวงปู่ทวด ปี 08 ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการตรวจสอบความแท้ของพระ แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า วงการพระเครื่องไทยยังขาดมาตรฐานกลาง ในการพิสูจน์และยืนยันพระแท้
การถกเถียงในรายการโหนกระแสเปิดโอกาสให้ผู้ชมเห็น วิธีคิดและแนวทางการพิสูจน์พระของเซียนรุ่นเก่า
บอยเน้นหลัก ตัวตัด หรือร่องรอยแม่พิมพ์เป็นหลักในการตรวจสอบ
ในขณะที่โอ๊ต บางแพ ใช้การอธิบายเชิงประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัว
การประชันนี้สะท้อนให้เห็น ความแตกต่างของวิธีคิดและมาตรฐาน ที่มีอยู่ในวงการพระเครื่องไทย ทำให้ผู้ชมตระหนักว่า การตัดสินใจว่าพระแท้หรือไม่แท้ ต้องพิจารณาหลายปัจจัยและใช้ความระมัดระวัง




















