เดือดชายแดน! เขมรยังเคลื่อนไหวไม่หยุด ใช้แบ็กโฮขุดบังเกอร์–ส่งโดรนสอดแนมใกล้เขตไทย
🔥เคลื่อนไหวชายแดนระอุ! “กองทัพภาคที่ 2” เผยพบกัมพูชาใช้แบ็กโฮขุดบังเกอร์-ส่งโดรนสอดแนมหลายจุดในฝั่งไทย เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม พร้อมเปิดภารกิจจิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดน
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 — บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียด หลังจาก กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่ามีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้เครื่องจักรกลหนักในการปรับปรุงแนวที่มั่น รวมถึงการส่ง อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยหลายจุด สร้างความกังวลให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงและชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนเป็นอย่างมาก
🚁 พบ “โดรนกัมพูชา” หลายจุดในฝั่งไทย – เคลื่อนไหวถี่ยิบ
รายงานของกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า หน่วยลาดตระเวนและกำลังพลในพื้นที่สามารถตรวจพบการบินเข้ามาของโดรนจากฝั่งกัมพูชาหลายลำ โดยเฉพาะในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น
บริเวณปราสาทตาควาย ตรวจพบโดรนจำนวน 4 ลำ
พื้นที่โดนตวล ตรวจพบ 1 ลำ
พื้นที่ฆ่าแต ตรวจพบ 3 ลำ
พื้นที่ภูผี ตรวจพบ 2 ลำ
พื้นที่ฐานปฏิบัติการหนองแค (ร้อย.ทพ.2602) ตรวจพบ 1 ลำ
และ บริเวณเหนือเนิน 350 พบมากถึง 6 ลำ
การปรากฏของโดรนเหล่านี้ มีการสันนิษฐานว่าอาจใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนมความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทย รวมถึงการเก็บข้อมูลภูมิประเทศแนวชายแดน ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้เพิ่มมาตรการตรวจตราและใช้เทคโนโลยีด้านป้องกันอากาศยานไร้คนขับเข้ามาร่วมสอดส่องเพิ่มเติม
🚜 พบ “รถแบ็กโฮ–รถบรรทุก 10 ล้อ” ขุดปรับปรุงแนวที่มั่น คาดเตรียมสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่
นอกจากโดรนแล้ว หน่วยลาดตระเวนยังตรวจพบการเคลื่อนไหวของ รถแบ็กโฮและรถบรรทุกขนาดใหญ่ จำนวนหลายคัน ซึ่งกำลังดำเนินการขุดดินและปรับปรุงพื้นที่ตามแนวชายแดนในฝั่งกัมพูชา โดยเบื้องต้นคาดว่าเป็นการ ปรับปรุงบังเกอร์หรือแนวหลบภัยขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจึงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งกำลังพลเข้าประจำจุดสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญทางการทหาร
⚔️ ฝ่ายไทยยืนยัน “พร้อมรับมือทุกสถานการณ์” – วางกำลังเต็มพื้นที่
กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ขณะนี้ กองกำลังทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังอยู่ในพื้นที่ของตนเอง โดยฝ่ายไทยได้จัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจทุกจุด เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านบนบกและทางอากาศ พร้อมเตรียมแผนตอบโต้ในกรณีที่มีเหตุไม่ปกติ
แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้มีการเพิ่มมาตรการด้านข่าวกรองและการประสานงานกับหน่วยความมั่นคงในระดับท้องถิ่น เพื่อให้สามารถรายงานสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยรักษาความสงบ ไม่ยั่วยุหรือกระทำการใด ๆ ที่อาจถูกตีความว่าเป็นการละเมิดอธิปไตย
🤝 พระราชกรณียกิจในพื้นที่ชายแดน – เชิญเงินพระราชทาน 42 ล้านบาท มอบแก่โรงพยาบาลพนมดงรัก
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว ยังมีอีกหนึ่งข่าวดีที่สร้างความปลื้มปิติให้กับประชาชนในพื้นที่ เมื่อ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้เดินทางไปยัง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเชิญ เงินพระราชทานจำนวน 42,000,000 บาท จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี มอบแก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อใช้พัฒนาอาคารสถานพยาบาลและจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์
โดยในโอกาสเดียวกัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบ ถุงยังชีพพระราชทานจำนวน 800 ชุด แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของโรงพยาบาล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
ภายในงานยังมีข้าราชการระดับสูงเข้าร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง อาทิ
พล.ต.สุคนธรัตน์ ชาวพงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2
นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ
หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่
พร้อมด้วยจิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทานจำนวนมากที่มาช่วยอำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนในงาน
💛 ภารกิจ “จิตอาสาพระราชทาน” เดินหน้าช่วยผู้ประสบภัยชายแดน
ภารกิจด้านจิตอาสาในพื้นที่ชายแดนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานในสังกัด ศูนย์อำนวยการจิตอาสา (ศอ.จอส.) พระราชทาน จังหวัดสุรินทร์ และ มณฑลทหารบกที่ 25 ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในจุดเสี่ยง
กิจกรรมประกอบด้วย
การมอบสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน
การซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย
การจัดบริการแพทย์เคลื่อนที่
และการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กและผู้สูงอายุ
ประชาชนในพื้นที่ต่างรู้สึกซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณและความเสียสละของเหล่าจิตอาสา ที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้ชาวบ้านชายแดนรู้สึกอุ่นใจและไม่ถูกทอดทิ้ง
📰 เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน
กองทัพภาคที่ 2 ยังได้ออกประกาศ ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ในการรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ หลังพบว่ามีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหรือ ข่าวปลอม (Fake News) เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกตื่นและหวาดกลัวในสังคม
กองทัพภาคที่ 2 จึงเน้นย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลจาก ช่องทางราชการอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น ศูนย์ประชาสัมพันธ์ของกองทัพภาคที่ 2 หรือกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและผลกระทบทางสังคมที่อาจตามมา
🔍 วิเคราะห์สถานการณ์ – ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชายังอยู่ในกรอบความร่วมมือ
แม้ว่าจะมีรายงานการเคลื่อนไหวของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แต่ทางฝั่งกองทัพไทยยังคงยืนยันว่า ทั้งสองประเทศยังคงอยู่ในกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง และมีช่องทางการสื่อสารระหว่างกองทัพที่เปิดกว้าง ทั้งในระดับพื้นที่และระดับสูง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียด
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเชิงยุทธวิธีหรือฝึกซ้อมของกองทัพกัมพูชา ซึ่งไม่ได้มีเจตนารุกรานโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่ไทยไม่อาจนิ่งนอนใจได้ จำเป็นต้องรักษาระดับการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด
🇹🇭 สรุปสถานการณ์ล่าสุด
ปัจจุบันสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง ยังคงอยู่ในภาวะ “เฝ้าระวังขั้นสูงสุด” โดยฝ่ายไทยได้วางกำลังและเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมเดินหน้าภารกิจด้านมนุษยธรรมควบคู่กัน เพื่อดูแลประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นว่า “ชายแดนไทยยังคงปลอดภัยภายใต้การดูแลของกองทัพไทย”
อ้างอิงจาก: ภาพ:กองทัพภาคที่ 2















