เปิดจดหมาย “อดีตหลวงพ่ออลงกต” จากในเรือนจำ เขียนถึงศิษย์ทั่วประเทศ สารสะเทือนใจ!
เปิดจดหมาย “อดีตหลวงพ่ออลงกต” จากในเรือนจำ เขียนถึงลูกศิษย์ด้วยน้ำตา “ยังสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อ” ฝาก “แพรรี่ ไพรวัลย์” ช่วยดูแลเด็ก ๆ แทน
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 — โลกออนไลน์ต่างสะเทือนใจ เมื่อ “แพรรี่ ไพรวัลย์” หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ได้เผยแพร่ จดหมายลายมือจริงของ “อดีตหลวงพ่ออลงกต” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ที่ถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตเงินบริจาควัด ซึ่งเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวาง
ในจดหมายฉบับนี้ “อดีตหลวงพ่ออลงกต” ได้เขียนถึงลูกศิษย์และผู้ที่เคยร่วมงานกับตนด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ความซาบซึ้ง และแรงศรัทธาที่ไม่เคยจาง พร้อมยืนยันชัดเจนว่า “หลวงพ่อยังสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อแท้แม้เพียงชั่วขณะเดียว”
💌 จดหมายที่สะเทือนใจทั้งประเทศ
เนื้อหาของจดหมายเริ่มต้นด้วยประโยคเรียบง่ายแต่สะเทือนอารมณ์
“ถึงลูกศิษย์ทุกคน ขอบใจทุกคนที่ไปเยี่ยมหลวงพ่อ ด้วยความรัก ความคิดถึง และความห่วงใยจากหัวใจของทุกคน หลวงพ่อดีใจจนน้ำตาไหล ที่เห็นลูก ๆ ไปเยี่ยมกันอย่างมากมาย มันทำให้หลวงพ่อมีกำลังใจเต็มเปี่ยมในหัวใจ...”
คำบอกเล่าเหล่านี้ทำให้หลายคนที่อ่านถึงกับน้ำตาซึม เพราะสะท้อนถึงหัวใจของพระที่เคยอุทิศทั้งชีวิตให้กับการช่วยเหลือเด็ก ๆ ผู้ป่วย และผู้ยากไร้ในวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงและเยียวยาผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
แม้จะต้องเผชิญคดีความร้ายแรง และถูกคุมขังภายใต้กำแพงเรือนจำ แต่ในจดหมายฉบับนี้ อดีตหลวงพ่อกลับแสดงให้เห็นถึง “จิตใจที่ยังคงมั่นคงและเปี่ยมด้วยศรัทธา” ไม่ต่างจากวันที่ท่านเคยยืนอยู่บนธรรมาสน์เทศน์ธรรมต่อหน้าผู้คนนับพัน
🕊️ “หลวงพ่อสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อ”
ตอนหนึ่งของจดหมาย อดีตหลวงพ่ออลงกต เขียนไว้ว่า
“ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่า พวกเราจะฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน ด้วยความรัก ความสามัคคี และด้วยความดีที่เราสร้างร่วมกันมา... ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงาน เพื่อให้เรามีกินมีใช้ มีแบ่งปันกัน”
ข้อความสั้น ๆ แต่เปี่ยมพลังนี้ ทำให้ผู้ที่เคยศรัทธาหลวงพ่อรู้สึกเหมือนกลับมาได้ยินเสียงเทศน์ของท่านอีกครั้ง แม้ร่างกายจะอยู่ในเรือนจำ แต่จิตใจของหลวงพ่อยังคงยึดมั่นในหลักเมตตาและการให้
หลวงพ่อยังฝากคำขอบคุณถึงลูกศิษย์ทุกคนที่ยังคงอยู่เคียงข้าง และไม่ทอดทิ้งกันในยามยาก พร้อมเน้นย้ำว่า “ไม่ต้องห่วงหลวงพ่อ หลวงพ่อสู้ทุกลมหายใจ”
🤍 ฝากถึง “แพรรี่ ไพรวัลย์” และลูกศิษย์ผู้ดูแลวัด
ในช่วงกลางของจดหมาย อดีตหลวงพ่อได้เขียนถึง “แพรรี่ ไพรวัลย์” โดยเอ่ยนามอย่างชัดเจน พร้อมฝากให้ช่วยดูแลเด็ก ๆ ที่ยังอยู่ในวัดพระบาทน้ำพุ
“ฝากถึงไพรวัลย์ และเพื่อน ๆ ช่วยกันหาข้าวและไข่ไว้เป็นอาหารให้เด็ก ๆ ได้มีกินกันอย่างเพียงพอ ฝากให้สุวิทย์ปลูกผัก เลี้ยงปลา หอย แหน หนอน และไก่ให้มากขึ้นด้วย และอย่าลืมเลี้ยงแมลงสาบเพิ่มขึ้นด้วย...”
ประโยคดังกล่าวสะท้อนถึง “วิถีชีวิตพอเพียง” ที่หลวงพ่ออลงกตเคยปลูกฝังในวัดตลอดหลายสิบปี เพราะในอดีต วัดพระบาทน้ำพุคือสถานที่ที่หลวงพ่อสร้างระบบเกษตรผสมผสาน เพื่อให้เด็ก ๆ และผู้ติดเชื้อสามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภายนอก
แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่ท่านยังไม่ลืมส่งต่อแนวคิด “พึ่งพาตนเอง” ให้ลูกศิษย์ปฏิบัติต่อไป
🌾 “อย่าลืมปลูกผัก เลี้ยงปลา เพื่ออยู่รอด”
หลวงพ่ออลงกตยังกล่าวถึงแนวทางการทำงานของลูกศิษย์และทีมงานในวัดไว้อย่างละเอียด
“ฝากถึงคนทำงานทุก ๆ คนว่าต้องอดทน ต้องขยัน เราจึงจะอยู่รอดได้”
ประโยคนี้อาจฟังดูธรรมดา แต่เมื่อมาจากปากของคนที่กำลังอยู่ในคุก มันกลับมีน้ำหนักอย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นเสียงสะท้อนของคนที่ไม่ยอมแพ้แม้ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากที่สุด
ในช่วงท้ายของจดหมาย หลวงพ่อยังได้ฝากถึง “คุณเปิ้ล” ให้ช่วยบอกเด็ก ๆ ที่กำลังฝึกซ้อมกีฬาว่าให้ตั้งใจฝึกให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ติดทีมชาติ พร้อมขอพรให้พระคุ้มครองทุกคน
“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนไม่ต้องห่วงหลวงพ่อนะ หลวงพ่อสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อ ขอให้พระคุ้มครองรักษาทุกคน”
📜 เบื้องหลังคดีที่สะเทือนวงการศาสนา
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 ศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว อดีตหลวงพ่ออลงกต พูลมุข และ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ (นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล) หลังทั้งสองถูกดำเนินคดีในข้อหา ทุจริตยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ รวมถึงข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและฟอกเงิน
คดีนี้สร้างความตกตะลึงให้กับประชาชนทั้งประเทศ เพราะ “หลวงพ่ออลงกต” เคยได้รับการยกย่องในฐานะพระนักพัฒนา และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา ที่ทุ่มเทดูแลผู้ป่วยเอดส์มากว่า 30 ปี
หลายฝ่ายมองว่า การที่จู่ ๆ ท่านต้องถูกจับกุมและถูกถอนสมณศักดิ์ เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินบริจาคจำนวนมหาศาล
จนกระทั่งศาลมีคำสั่งคุมขังชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าคดีมีมูลและอาจมีพยานหลักฐานสำคัญที่ต้องป้องกันการยุ่งเหยิง
🙏 แพรรี่เผยความรู้สึกหลังอ่านจดหมาย
ภายหลังจากโพสต์จดหมายของหลวงพ่อออกไป “แพรรี่ ไพรวัลย์” ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“อ่านจดหมายของท่านแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ หลวงพ่อยังเป็นหลวงพ่อที่เราเคยรู้จักเสมอ ท่านไม่เคยพูดถึงตัวเองเลย แต่ห่วงแต่เด็ก ๆ ที่วัด ยังคิดถึงทุกชีวิตเหมือนเดิม...”
แพรรี่ยังยืนยันว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเด็ก ๆ และทีมงานที่วัดพระบาทน้ำพุเร็ว ๆ นี้ พร้อมประกาศว่าจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนกับวัด เพื่อช่วยหาทุนอาหารและของใช้จำเป็นต่อไป
โพสต์ของแพรรี่มีผู้เข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก หลายคนบอกว่า “แม้หลวงพ่อจะอยู่ในเรือนจำ แต่แสงของท่านยังส่องถึงผู้คนเหมือนเดิม”
🌟 ความศรัทธาที่ยังไม่จางหาย
แม้หลวงพ่ออลงกตจะไม่ได้อยู่ในสมณเพศอีกต่อไป แต่สำหรับลูกศิษย์จำนวนมาก ท่านยังคงเป็น “ครูผู้ให้” ที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจเสมอ
มีชาวเน็ตจำนวนมากแชร์ข้อความของหลวงพ่อ พร้อมแสดงความเห็นว่า จดหมายฉบับนี้เปรียบเสมือน “คำสอนสุดท้าย” ของครูบาอาจารย์ ที่เตือนให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและมีเมตตา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ใด
บางคนยังได้ยกข้อความ “หลวงพ่อสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อ” มาเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้ชีวิตของตนเอง
🔔 สรุปใจความสำคัญของจดหมาย
อดีตหลวงพ่ออลงกตเขียนจดหมายถึงลูกศิษย์จากในเรือนจำ
ขอบคุณทุกคนที่ยังคงไม่ทอดทิ้ง และไปเยี่ยมให้กำลังใจ
ฝาก “แพรรี่ ไพรวัลย์” และทีมงานช่วยดูแลเด็ก ๆ ที่วัดพระบาทน้ำพุ
ย้ำแนวทางพอเพียง — ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เพื่อความอยู่รอด
ขอสู้ทุกลมหายใจ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ขอให้พระคุ้มครองทุกคนที่ยังศรัทธาและทำความดีต่อไป
🌈 บทสรุป: แม้ไร้จีวร แต่ยังมีแสงแห่งเมตตา
คดีความอาจทำให้ชื่อของ “หลวงพ่ออลงกต” กลายเป็นที่ถกเถียงในสังคม แต่จดหมายฉบับนี้ได้สะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่งของมนุษย์ผู้มีหัวใจแห่งการให้ — ผู้ที่แม้จะล้ม แต่ไม่ยอมแพ้ และยังส่งต่อกำลังใจให้คนอื่นแม้อยู่ในความมืด
“หลวงพ่ออลงกต” ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า “สู้ด้วยศรัทธา” และ “ไม่ท้อแม้ลมหายใจสุดท้าย”
“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนไม่ต้องห่วงหลวงพ่อหลวงพ่อสู้ทุกลมหายใจ ไม่เคยท้อ ขอให้พระคุ้มครองรักษาทุกคน”






















