"บอย ท่าพระจันทร์" เผยที่มาเหรียญหลวงปู่ทวด ปี 08 ของหายาก เจอเซียนเสนอซื้อ 10 ล้าน
“บอย ท่าพระจันทร์” เปิดใจ เคลียร์ปมเหรียญหลวงปู่ทวด 08 มูลค่า 5 ล้าน เผยเส้นทางสุดพลิกผัน ยืนยันชัด “ทุกอย่างถูกต้องตามแบบฉบับเนื้ออัลปาก้า”
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 รายการ โหนกระแสเลือด ได้หยิบประเด็นร้อนในวงการพระเครื่องมาพูดถึงอีกครั้ง หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นวงการ เมื่อ “บอย ท่าพระจันทร์” หรือ นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย เซียนพระชื่อดังระดับประเทศ ออกมา ชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ “เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508” หลังถูกตั้งคำถามจาก “โอ๊ต บางแพ” หรือ ณัฐวัฒน์ ปรียาธร เซียนพระอีกราย ว่าเหรียญที่ “บอย” นำมาบูชานั้น “แท้จริงหรือไม่”
เรื่องนี้จุดประเด็นขึ้นเมื่อ “โอ๊ต บางแพ” สังเกตว่าเหรียญหลวงปู่ทวดดังกล่าว ซึ่งเป็นรุ่นหายากและมีมูลค่าสูงในตลาดพระเครื่อง อาจ มีความผิดปกติในพิมพ์และความคมชัดของเนื้อเหรียญ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเหรียญเนื้ออัลปาก้าแท้รุ่นเดียวกัน จึงเกิดข้อสงสัยว่าอาจเป็นเหรียญที่ ถูกถอดพิมพ์ หรือทำซ้ำจากของแท้ ซึ่งในวงการพระถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะ “เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508” ถือเป็นหนึ่งใน สุดยอดเหรียญยอดนิยมตลอดกาล ที่มีราคาสูงแตะระดับหลายล้านบาท
🔹 จุดเริ่มต้นของเหรียญ 5 ล้านบาท
บอย ท่าพระจันทร์ เปิดใจเล่าถึงเส้นทางของเหรียญหลวงปู่ทวดเหรียญนี้ว่า เริ่มต้นจากวันที่เขาได้รับการติดต่อจาก “น้องเทอโบ” ผู้ครอบครองเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นดังกล่าว ซึ่งนำเหรียญมานำเสนอขายให้ตนที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น 3 ในราคา 10 ล้านบาท
“ตอนนั้นผมเห็นเหรียญแล้วรู้เลยว่าเป็นของหายากมาก รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 ไม่ค่อยมีหมุนเวียนในตลาด เพราะเป็นของที่คนเก็บกันแน่น ไม่มีใครอยากปล่อย” — บอย ท่าพระจันทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เหรียญนี้ ไม่เคยมีการซื้อขายในตลาดมาก่อน และราคาที่ผู้ขายตั้งมาถึง 10 ล้านบาท ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจซื้อได้ในทันที จึงต่อรองราคาและขอลดเหลือ 5 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าแม้เป็นเหรียญหายาก แต่การซื้อขายครั้งแรกควรอยู่ในระดับที่ “จับต้องได้”
“ผมบอกเทอโบว่า เหรียญนี้สุดยอดจริง แต่ราคา 10 ล้านมันแรงไปสำหรับตลาดตอนนี้ ยังไงเหรียญนี้ต้องวนกลับมาแน่ เพราะของดีแบบนี้ไม่ไปไหนหรอก”
🔹 เหรียญหาย – วนกลับ – และขายต่อในราคาที่พลิกผัน
หลังจากวันนั้นไม่นาน เรื่องราวกลับพลิกผันอย่างที่บอยคาดไว้จริง ๆ เมื่อมีบุคคลลึกลับคนหนึ่งทักมาทางไลน์ อ้างว่าเป็น เจ้าของเหรียญหลวงปู่ทวดตัวจริง
“เขาทักมาว่าผมคือเจ้าของเหรียญหลวงปู่ทวดที่นายเห็น ผมเลยตอบไปทันทีว่าสนใจ อยากดู อยากซื้อ แต่สุดท้ายเจ้าของแจ้งว่าขายไปแล้วในราคาไม่ถึง 8 ล้านบาท”
บอยเล่าว่า หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนของเขาที่เป็นเซียนพระก็บอกข่าวว่า เหรียญดังกล่าวถูกซื้อไปในราคาเพียง 400,000 บาท ซึ่งสร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะราคานี้ถือว่าต่ำกว่ามูลค่าจริงของเหรียญมาก
“ผมถึงกับถามเลยว่าขายจริงเหรอ ขนาดแค่เนื้ออัลปาก้ารุ่นเดียวกันยังเล่นกันเป็นล้าน ทำไมเหรียญทองคำถึงขายถูกแบบนี้”
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะเพื่อนคนเดิมกลับมาบอกอีกครั้งว่าเหรียญดังกล่าวถูกขายต่อให้กับ “ผู้ใหญ่ในวงการ” แล้ว จนบอยเริ่มรู้สึกว่า เหรียญนี้คงต้องวนอีกหลายทอดแน่ ๆ
🔹 การเจรจาครั้งสำคัญ – จาก 6 ล้าน เหลือ 5 ล้าน
ต่อมา “เด่น อยุธยา” เซียนพระอีกราย ได้ติดต่อบอยมาว่า มีคนต้องการปล่อยเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเดียวกันในราคา 6 ล้านบาท หลังจากต่อรองกันอยู่พักใหญ่ บอยสามารถเจรจาได้ในราคา 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่เขามองว่าเหมาะสมที่สุดในตลาด
ก่อนจะตัดสินใจซื้อ บอยไม่ลืมที่จะนำ เหรียญเนื้ออัลปาก้ารุ่นเดียวกัน มาทำการเทียบอย่างละเอียด เพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างตรงตามมาตรฐานหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของ “ตัวตัด” หรือ ขอบด้านข้างของเหรียญ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตรวจสอบเหรียญแท้
“ตัวตัดมันเปรียบเหมือนบาร์โค้ดของเหรียญ เพราะแต่ละรุ่นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าตัวตัดตรง ทุกอย่างก็ชัดว่าเป็นเหรียญแท้จากบล็อกเดิม”
หลังจากเทียบรายละเอียดทุกจุด ทั้งลักษณะพิมพ์ เนื้อโลหะ ความคมชัด และรอยตัวตัด พบว่าทุกอย่าง ตรงตามแบบฉบับของเหรียญเนื้ออัลปาก้าแท้ ปี 2508 ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกหรือขัดแย้งกับของเดิม
🔹 “คนในวงการจะรู้… เหรียญหลวงปู่ทวดต้องดูที่ตัวตัด”
บอย ท่าพระจันทร์ ย้ำว่า การตรวจสอบ “ตัวตัด” ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดูพระเหรียญยุคเก่า โดยเฉพาะรุ่นที่มีการผลิตอย่างประณีตในช่วงปี 2500–2510 ซึ่งแต่ละโรงงานจะมี เครื่องตัดเหรียญเฉพาะรุ่น ไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนได้ 100%
“ตัวตัดมันคือลายเซ็นของเหรียญ ถ้าใครดูพระเป็นจริง ๆ จะรู้เลยว่ามันไม่สามารถปลอมให้เหมือนต้นฉบับได้ เพราะต้องใช้เครื่องมือแบบเดียวกันในยุคนั้น”
บอยยังเสริมว่า เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 เป็นหนึ่งในเหรียญที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในวงการพระเครื่อง เพราะเป็น เหรียญที่หลวงปู่ทวดมีชื่อเสียงมากในเรื่องของเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมทั้งในและต่างประเทศ
🔹 ราคาพุ่งแตะ 10 ล้าน หลังกลายเป็นข่าวดัง
หลังจากที่เรื่องราวเหรียญหลวงปู่ทวด 08 กลายเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ ราคาของเหรียญก็เริ่มขยับขึ้นทันที โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวออกไปว่า “บอย ท่าพระจันทร์” สนใจจะซื้อในราคา 5 ล้านบาท เจ้าของเหรียญคนปัจจุบันกลับ ขยับราคาขึ้นเป็น 10 ล้านบาท ภายในเวลาไม่กี่วัน
“พอผมโทรไปถามว่ายังขายอยู่ไหม เขาบอกเลยว่าเห็นเป็นข่าวดังแล้ว ขอขาย 10 ล้าน ผมก็หัวเราะนะ แล้วบอกไปว่า วันไหนราคานั้นถึงจริง ๆ ผมจะไปซื้อแน่นอน”
คำตอบของบอยสร้างเสียงหัวเราะในวงการพระ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า เซียนพระรายนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการ “ตัดสินใจซื้อทันที” หากเห็นว่าเหรียญนั้นแท้จริงและมีคุณค่า
🔹 “บอย” ยืนยันชัด – ทุกอย่างถูกต้องตามแบบฉบับเนื้ออัลปาก้า
แม้จะมีการตั้งข้อสงสัยมากมายในโลกออนไลน์ แต่บอยยืนยันอย่างมั่นใจว่า เหรียญหลวงปู่ทวด 08 ที่เขาตรวจสอบมานั้น เป็นของแท้ 100% ทั้งในด้านพิมพ์ เนื้อโลหะ และรอยตัวตัด
“ผมอยู่ในวงการมานานกว่า 20 ปี ผ่านเหรียญมาเป็นพัน ๆ เหรียญ ผมกล้ายืนยันเลยว่าตัวนี้ถูกต้องทุกจุดตามแบบฉบับเนื้ออัลปาก้า รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องแบบนี้ในวงการพระไม่ควรใช้แค่ “ภาพถ่าย” ในการตัดสิน เพราะพระแต่ละองค์ต้องดูด้วยตาเปล่า สัมผัสเนื้อโลหะจริง และใช้ประสบการณ์วิเคราะห์หลายจุดประกอบกัน
“บางทีถ่ายรูปมามันหลอกตา ความคม ความลึก มันเปลี่ยนหมด ต้องดูองค์จริงเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าแท้หรือไม่แท้”
🔹 วงการพระเครื่องร้อนแรงอีกครั้ง – เหรียญหลวงปู่ทวดขึ้นแท่น “พระแห่งปี”
หลังจากรายการโหนกระแสเลือดออกอากาศ เพียงไม่นาน คำว่า “บอย ท่าพระจันทร์” และ “หลวงปู่ทวด 08” ก็กลายเป็นคำค้นหายอดนิยมในโลกออนไลน์ หลายคนพูดถึงทั้งในแง่ของความศรัทธาและมูลค่าทางการสะสม
ในตลาดพระเครื่องตอนนี้ เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางแหล่งประกาศเช่าบูชาแตะระดับ 12–15 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพและเนื้อโลหะ โดยเฉพาะเหรียญทองคำและเนื้ออัลปาก้าแท้ ซึ่งถือว่าเป็น “สุดยอดแห่งเหรียญเมตตา”
🔹 ทำไม “เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ 08” ถึงมีมูลค่าสูง?
ผู้เชี่ยวชาญในวงการพระเครื่องให้เหตุผลว่า เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี 2508 เพื่อเฉลิมฉลองการเลื่อนสมณศักดิ์ของหลวงปู่ทวด โดยมีจำนวนการสร้างจำกัด และผ่านพิธีปลุกเสกโดยพระเกจิชื่อดังทั่วประเทศ
นอกจากนี้ เหรียญรุ่นนี้ยังมี ตำนานเรื่องประสบการณ์ของผู้บูชา ที่เล่าขานกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ การค้าขายรุ่งเรือง หรือแม้แต่การได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน จึงไม่แปลกที่เหรียญรุ่นนี้จะถูกเรียกว่า “เหรียญแห่งความก้าวหน้า”
🔹 มุมมองจากคนในวงการ – บอยคือ “เซียนที่กล้าและจริง”
ในวงการพระเครื่อง “บอย ท่าพระจันทร์” ถือเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักดี ด้วยบุคลิกกล้าตัดสินใจ จ่ายจริง และพูดตรงไปตรงมา หลายคนมองว่า เขาคือหนึ่งใน “ผู้ชี้ขาด” พระแท้พระเก๊ในยุคปัจจุบัน เพราะมีประสบการณ์ตรงและสายตาที่เฉียบคม
เพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งให้ความเห็นว่า
“บอยเป็นคนที่ไม่พูดเล่น ถ้าเขาบอกว่าแท้ เขากล้าจ่ายทันที เพราะเชื่อในสายตาตัวเอง และมีความรับผิดชอบต่อคำพูด”
🔹 สรุปเส้นทาง “เหรียญ 5 ล้าน” ที่กำลังเป็นตำนาน
1. เหรียญถูกนำมาขายครั้งแรกในราคา 10 ล้านบาท
2. บอยต่อรองและเสนอซื้อที่ 5 ล้านบาท
3. เจ้าของขายต่อในราคาต่ำกว่า 8 ล้าน
4. เหรียญวนหลายทอด บางช่วงเหลือเพียง 400,000 บาท
5. สุดท้าย “บอย ท่าพระจันทร์” ตัดสินใจซื้อในราคา 5 ล้านบาท หลังตรวจสอบความแท้
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึง “เสน่ห์” ของวงการพระเครื่องไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของมูลค่าเงินเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับ ศรัทธา ความเชื่อ และประวัติศาสตร์ทางจิตวิญญาณ ที่สืบทอดมายาวนาน
🔹 บทสรุป – พระแท้ ไม่กลัวการตรวจสอบ
ท้ายที่สุด “บอย ท่าพระจันทร์” ฝากถึงคนในวงการว่า
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินกันจากรูปหรือข่าว พระแท้ไม่กลัวการตรวจสอบ ของจริงย่อมมีร่องรอยที่พิสูจน์ได้เสมอ”
เขายืนยันว่าไม่ได้ต้องการสร้างกระแส แต่ต้องการให้คนในวงการเรียนรู้ที่จะดูพระอย่างมีหลักการ และเคารพความจริงทางศิลปะและวัตถุมงคล
“หลวงปู่ทวดเป็นพระที่คนไทยเคารพที่สุดองค์หนึ่ง เราควรดูด้วยความศรัทธา ไม่ใช่ด้วยการสงสัยเพียงเพื่อจับผิด”
🔸 บทสรุปสุดท้าย
“เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508” อาจเป็นแค่โลหะชิ้นหนึ่งในสายตาของบางคน แต่สำหรับผู้ที่ศรัทธา มันคือสัญลักษณ์ของความกตัญญู ความสำเร็จ และความเชื่อในพลังแห่งเมตตา
และเรื่องราวของ “บอย ท่าพระจันทร์” กับเหรียญมูลค่า 5 ล้านบาท ก็กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานในวงการพระเครื่อง ที่สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่าที่แท้จริงของพระ ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่ความศรัทธาและความจริงใจของผู้ครอบครอง





















