เดินเท้า 2 กิโลไปโรงพยาบาล เพื่อถ่ายรูปจบกับเพื่อนที่ป่วยมะเร็ง—แล้วเขาก็จากไปในวันรุ่งขึ้น
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่ทั้งอบอุ่น ทั้งสะเทือนใจ และทั้งงดงามที่สุดเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องของ “เหริน จุนเจี๋ย” เด็กหนุ่มวัย 15 ปีจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่แม้จะป่วยหนักด้วยโรคร้าย แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ความฝันของตัวเองดับลง
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน จุนเจี๋ยถูกวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน” เขาต้องออกจากโรงเรียนเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ร่างกายอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ในใจเขาเสมอคือ “อยากจบการศึกษาพร้อมเพื่อน ๆ”
และแล้ว...ก่อนวันจบการศึกษาจะมาถึง ครูคนหนึ่งก็เสนอไอเดียที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุดว่า “เรามาถ่ายรูปจบการศึกษากับจุนเจี๋ยกันเถอะ”
ทุกคนเห็นด้วยทันทีแบบไม่ต้องคิด นักเรียนกว่า 50 คนจากโรงเรียนมัธยมอี้หลง พร้อมด้วยคุณครู เดินเท้ากว่า 2 กิโลเมตรจากโรงเรียนไปยังโรงพยาบาลอี้หลง
เมื่อไปถึง นักเรียนบางคนช่วยกันเปลี่ยนชุดนักเรียนให้เขา บางคนช่วยเข็นเตียงออกไปยังสวนของโรงพยาบาล ที่นั่น...จุนเจี๋ยนอนยิ้มอย่างมีความสุขบนเตียง รายล้อมด้วยเพื่อน ๆ และคุณครูที่รักเขา
ภาพถ่ายที่พวกเขาถ่ายร่วมกันในวันนั้น ถูกยกให้เป็น “ภาพจบการศึกษาที่พิเศษที่สุดในโลก”
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้นครับ เพื่อน ๆ ยังเขียนจดหมายส่งกำลังใจให้เขา มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึงลูกบาสเกตบอลที่ทุกคนร่วมกันเซ็นชื่อ ข้อความบนลูกบาสมีทั้ง “ฉันชื่นชมในความกล้าหาญของนาย” “หายไว ๆ นะ จะได้กลับมาเล่นเกมด้วยกันอีก”
เย็นวันนั้น ทุกคนกลับบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่น ครอบครัวของจุนเจี๋ยโพสต์ภาพของขวัญ พร้อมข้อความขอบคุณ ขอบคุณเพื่อน ๆ และคุณครูที่มอบความรัก ความห่วงใย และอวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการสอบที่กำลังจะมาถึง
แต่น่าเศร้า...ในเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนตีสี่ เหริน จุนเจี๋ย ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ก่อนถึงวันเกิดครบรอบ 16 ปีของเขาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
พ่อของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า “ครอบครัวรู้สึกขอบคุณน้ำใจของโรงเรียนอย่างสุดซึ้ง ที่ช่วยทำให้ความฝันสุดท้ายของลูกชายเป็นจริง และมอบความทรงจำอันล้ำค่าที่จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต”
ฟังแล้วบอกตรง ๆ ว่าผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ครับ เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ป่วย แต่มันคือเรื่องของ “ความรัก” “ความผูกพัน” และ “ความฝัน” ที่ทุกคนช่วยกันทำให้เกิดขึ้นจริง แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ผมว่าเรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างเลยครับ หนึ่งคือ...ความฝันไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แค่ได้อยู่กับคนที่รักก็เพียงพอ สองคือ...น้ำใจของเพื่อนและครูสามารถเปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็นวันมหัศจรรย์ สามคือ...ชีวิตอาจสั้น แต่ความทรงจำดี ๆ จะอยู่กับเราตลอดไป
สุดท้ายนี้...ขอแสดงความเคารพต่อเหริน จุนเจี๋ย เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ และขอบคุณเพื่อน ๆ ครู และครอบครัวของเขา ที่ช่วยกันสร้าง “ภาพจบการศึกษาที่งดงามที่สุดในโลก” ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้าครับ














