ฮุน เซน” ขอร้องชาวกัมพูชา อย่าทำร้ายคนไทย แม้ภาพถูกใช้เป็นเป้ายิงในงานวัด!
“ฮุน เซน” เดือด! หลังเห็นคลิปงานวัดในไทย นำรูปตัวเองเป็นเป้ายิงปืนอัดลม วอนประชาชนอย่าทำร้ายคนไทยในกัมพูชา — ชี้ “เป็นการกระทำที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์”
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สั่นสะเทือนทั้งสองประเทศ เมื่อ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กัมพูชา ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอจาก งานวัดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีการนำรูปใบหน้าของเขาและ มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไปติดเป็น เป้ายิงปืนอัดลม ให้ประชาชนไทยยิงเล่นกัน
คลิปดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโซเชียล และถูกแชร์ต่อจำนวนมากจนไปถึงมือของฮุน เซนเอง ทำให้ผู้นำชาวกัมพูชารายนี้ไม่อาจนิ่งเฉยได้
🎯 จุดเริ่มต้นของดราม่า — “รูปฮุน เซน” กลายเป็นเป้าในงานวัดไทย
ในคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ เห็นชัดว่ามีป้ายผ้าและกระดานเป้า ที่นำรูปใบหน้าของบุคคลหลายคนมาติดไว้ให้คนยิงเล่น โดยหนึ่งในนั้นคือภาพของ สมเด็จฮุน เซน และ มาลี โสเจียตา ซึ่งเป็นโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาฝ
กิจกรรมนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการละเล่นในงานวัดทั่วไป แต่เนื่องจากบุคคลที่ถูกนำรูปไปใช้เป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อ่อนไหวกับไทย จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที
ชาวกัมพูชาหลายคนเมื่อเห็นคลิปดังกล่าว ต่างรู้สึกไม่พอใจ และบางส่วนถึงขั้นโพสต์ข้อความในโซเชียลเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้ โดยเฉพาะในช่วงที่สองประเทศเพิ่งผ่านเหตุการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดน ทำให้บรรยากาศทางการเมืองและความรู้สึกของประชาชนยิ่งเปราะบาง
🗣️ ฮุน เซน อัดคลิปพูดด้วยตัวเอง วอนอย่าตอบโต้คนไทย
หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในวงกว้าง ฮุน เซน ได้โพสต์วิดีโอผ่านเพจทางการของตนเอง โดยมีเนื้อหาเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ผิดหวัง และเสียใจ เขาเริ่มต้นด้วยคำถามเชิงประชดว่า
“นี่หรือคือประเทศที่มีอารยธรรม คุณธรรม และจริยธรรมอันสูงส่ง?”
เขากล่าวว่า การกระทำในคลิปนั้นเป็นเรื่อง ไร้มนุษยธรรม และเลวร้ายยิ่งกว่าการกระทำของสัตว์ พร้อมเตือนว่าการกระทำดังกล่าวอาจมีเจตนาเพื่อยั่วยุให้เขาหรือฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ ซึ่งอาจนำไปสู่การปลุกระดมประชาชนและทหารให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองชาติ
อย่างไรก็ตาม ฮุน เซน ยังแสดงความอดกลั้นและสติทางการเมือง โดยขอร้องให้ประชาชนชาวกัมพูชา อย่าตอบโต้ด้วยความรุนแรง
“ผมวอนพี่น้องร่วมชาติทุกท่าน อย่านำภาพพระมหากษัตริย์ไทย หรือภาพผู้นำไทยไปใช้ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าเราจะโกรธหรือไม่พอใจก็ตาม”
เขาย้ำว่า ถึงแม้กัมพูชาจะเป็นประเทศเล็ก เศรษฐกิจอาจไม่แข็งแรงเท่าไทย แต่ในด้าน ศีลธรรมและคุณธรรม เราต้องไม่อ่อนแอ
💸 ข้อเสนอทางเศรษฐกิจ: “งดใช้เงินบาทไทย” และ “หยุดซื้อของไทย”
ในคลิปเดียวกันนั้น ฮุน เซน ยังพูดต่อว่า หากประชาชนกัมพูชาไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ควรแสดงออกอย่างสันติ โดยให้ใช้วิธีทางเศรษฐกิจแทนการตอบโต้ด้วยความรุนแรง
“หากไม่พอใจสิ่งที่ประเทศไทยทำ ขอให้งดซื้อสินค้าไทย และหยุดใช้เงินบาทไทยในประเทศ เพื่อสร้างความเป็นอิสระทางการเงินของชาติ”
คำกล่าวนี้สร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผู้นำกัมพูชาออกมาพูดถึงการ ลดการพึ่งพาเศรษฐกิจไทยโดยตรง
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำชัดว่า ไม่ต้องการให้ประชาชนทำร้ายคนไทย หรือสร้างความเสียหายต่อธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชา
“อย่ากระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทไทย หรือพลเมืองไทยที่อาศัยและทำงานในกัมพูชา ผมยังเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับกัมพูชา”
📍 สถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดอยู่ก่อนหน้า
ต้องยอมรับว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ยังไม่กลับมาปกติเต็มที่ หลังจากมีการปะทะกันเล็กน้อยในพื้นที่ชายแดน และมีประเด็นเรื่อง “ศพทหารกัมพูชา” ที่ไม่ถูกนำกลับไปฝัง ซึ่งเคยสร้างกระแสดราม่าในโซเชียลเมื่อไม่นานมานี้
หลายฝ่ายจึงมองว่า การนำรูปของฮุน เซน ไปเป็นเป้าในงานวัด แม้อาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเป็นการละเล่นโดยไม่มีเจตนาทางการเมือง แต่ก็เป็น น้ำมันราดกองไฟ ที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
🧩 วิเคราะห์เชิงการเมือง — ฮุน เซนกำลังส่งสัญญาณอะไร?
นักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมองว่า คำพูดของฮุน เซน ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความไม่พอใจต่อคลิปดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ถึงรัฐบาลไทยอย่างชัดเจน
1. เตือนเรื่องการเคารพกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน — เพราะการนำรูปผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่งมาเป็นเป้ายิง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างร้ายแรงในระดับการทูต
2. รักษาภาพลักษณ์ทางศีลธรรมของกัมพูชา — เขาเลือกใช้คำว่า “อย่าตอบโต้ด้วยความเลวร้าย” เพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีความเป็นผู้ใหญ่และมีศีลธรรมเหนือกว่า
3. เรียกร้องความเป็นเอกภาพของชาติ — ด้วยการเสนอให้งดใช้เงินบาทไทยในประเทศ เป็นการสร้างกระแส “ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ” เพื่อรวมใจคนกัมพูชา
กล่าวได้ว่า ฮุน เซนใช้โอกาสนี้ในการ “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของตนในฐานะผู้นำที่ยังทรงอิทธิพล แม้จะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม
🤝 ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาในมุมเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา สินค้าหลายอย่างที่ชาวกัมพูชาใช้ในชีวิตประจำวันนำเข้าจากไทย ทั้งอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง
ในขณะเดียวกัน บริษัทไทยหลายรายก็เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ธนาคาร โรงแรม หรือโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจ้างแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก
ดังนั้น คำพูดของฮุน เซน ที่ให้ “งดอุดหนุนสินค้าไทย” จึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา เพราะหากเกิดกระแสไม่ซื้อของไทยจริง ๆ ย่อมกระทบต่อธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อย แม้ในทางปฏิบัติจะไม่ถึงขั้นคว่ำบาตร แต่ก็อาจสร้างแรงกดดันทางสังคมในกัมพูชาได้
🌏 สื่อโลกจับตา — มองว่าเป็น “เกมสื่อสาร” ของฮุน เซน
หลังคำพูดของฮุน เซน ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง เช่น Reuters, BBC, Al Jazeera ต่างรายงานข่าวนี้อย่างละเอียด โดยชี้ว่า ผู้นำกัมพูชาใช้โอกาสนี้ในการ แสดงจุดยืนทางศีลธรรมและความอดกลั้น ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เขาต้องการสร้างต่อประชาคมโลก
บางบทวิเคราะห์ถึงขั้นมองว่า นี่คือ “บทเรียนทางการทูต” ที่เตือนให้ประเทศเพื่อนบ้านระมัดระวังการกระทำที่อาจถูกตีความเป็นการดูหมิ่นผู้นำประเทศอื่น
💬 เสียงสะท้อนจากคนไทย
ในโลกออนไลน์ฝั่งไทยเอง หลังมีข่าวนี้ออกมา ก็เกิดเสียงวิพากษ์กันสองขั้วเช่นกัน
บางส่วนเห็นด้วยกับฮุน เซน โดยบอกว่าการนำรูปผู้นำประเทศอื่นมาเป็นเป้าในงานวัดเป็นสิ่งไม่สมควร เพราะถือว่า “ขาดมารยาทระหว่างประเทศ”
ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่า คลิปดังกล่าวอาจเป็นเพียง กิจกรรมของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง แต่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะการตีความที่เกินจริง
มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งเขียนไว้ว่า
“ถ้าเป็นงานวัดในกัมพูชาแล้วมีรูปผู้นำไทยให้คนยิงบ้าง เราคงไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะประเทศไหน”
อีกคนหนึ่งก็บอกว่า
“เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้แหละ ที่บางครั้งกลายเป็นชนวนใหญ่ระดับประเทศได้ ต้องระวังให้มาก”
⚖️ ทางการไทยควรรับมืออย่างไร?
แม้รัฐบาลไทยยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อกรณีนี้ แต่จากประสบการณ์ในอดีต เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสัญลักษณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน มักถูกจัดการอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายทางการทูต
นักการทูตบางรายเสนอว่า ไทยควรรีบส่งสัญญาณแสดงความเสียใจ และยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นโดยการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อแสดงความเคารพต่อประเทศเพื่อนบ้าน
🧘 บทเรียนสำคัญ: “อารมณ์ชั่ววูบในงานวัด อาจลุกลามเป็นปัญหาชาติ”
ในยุคที่ข้อมูลและคลิปวิดีโอแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การกระทำเล็ก ๆ เพียงอย่างเดียวอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศได้ในพริบตา โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับผู้นำหรือสัญลักษณ์ของชาติ
เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนที่ดีให้กับทุกฝ่าย — ทั้งผู้จัดงานวัด หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชน ว่าควรคิดให้รอบคอบก่อนจะจัดกิจกรรมใด ๆ ที่อาจถูกตีความผิดไปจากเจตนา
🌿 สรุปส่งท้ายจากเจ้าของกระทู้
จากมุมมองส่วนตัว เราเข้าใจดีว่าหลายคนอาจมองว่า “ก็แค่รูปในงานวัด” แต่ในทางการทูต มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะมันสะท้อนถึงการให้เกียรติระหว่างกัน
คำพูดของฮุน เซน ที่ว่า “อย่าตอบโต้ด้วยความเลวร้าย” ถือเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำ — ใช้สติแทนกำลัง ใช้เหตุผลแทนอารมณ์
และแม้จะพูดแรงว่า “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” แต่เนื้อหาโดยรวมของเขากลับเต็มไปด้วย การขอให้คนของตัวเองอดทนและไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งนับว่าเป็นท่าทีที่น่าชื่นชม
สุดท้าย เรื่องนี้อาจจบลงด้วยการขอโทษอย่างเป็นทางการจากฝั่งไทย หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นโอกาสให้ทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นชนวนใหญ่ในอนาคต
💭 “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเปราะบางกว่าที่คิด เพราะบางครั้งแค่เป้ายิงในงานวัด ก็อาจกลายเป็นไฟแห่งความเกลียดชังได้”
สรุปใจความสำคัญ:
ฮุน เซน โพสต์คลิปตำหนิการนำรูปตนเองเป็นเป้ายิงในงานวัดไทย
ชี้ว่าเป็นการกระทำที่ “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์”
วอนประชาชนอย่าทำร้ายคนไทยหรือธุรกิจไทยในกัมพูชา
เสนอให้งดซื้อของไทยและหยุดใช้เงินบาทไทยแทน
ย้ำว่าไทยกับกัมพูชายังไม่ควรเป็นศัตรูกัน




















