อนาคตในกำมือใคร? ชีวิตบัณฑิตจีน เมื่อ K Visa เปลี่ยนเกม

หากเดินไปตามตรอกซอยหรือร้านน้ำชาในเมืองใหญ่ของจีนยุคนี้ เราอาจพบเห็นบัณฑิตหนุ่มสาวจับกลุ่มกัน

สนทนาถึงอนาคตที่ดูเลือนรางกว่าที่คาดฝัน ใบประกาศนียบัตรในมือเคยได้รับการยอมรับมานานว่าเป็นใบเบิกทางสู่ชีวิตมั่นคง

แต่วันนี้ ภาพนั้นไม่ชัดเจนเหมือนเดิมอีกต่อไป

ล่าสุด ต้นเดือนตุลาคม 2025 นี้เอง มีข่าวครึกโครมเรื่องวีซ่า K ได้แพร่กระจายไปทั่วเครือข่ายสังคมออนไลน์

“K Visa” คือบัตรผ่านใบใหม่ที่รัฐบาลจีนเปิดให้เหล่าคนหนุ่มสาวสาย STEM จากต่างแดนเข้ามาทำงานในเมืองจีนได้โดยง่าย ไม่ต้องมีนายจ้างรับรอง ไม่ต้องเสนองานก่อนยื่นขอ เหมือนกับว่าประตูใหญ่ได้ถูกเปิดต้อนรับนักเทคโนโลยีและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก

แต่ขณะที่ภาครัฐหวังผลักดันให้จีนเป็นเวทีศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับโลก

กลับเกิดคลื่นต่อต้านพรั่งพรูบนเว่ยป๋อและฟอรั่มต่าง ๆ “ทำไมพวกเราต้องแข่งขันกับต่างชาติทั้งที่ยังหางานในประเทศตัวเองไม่ได้” หนึ่งในถ้อยความที่แพร่หลายบนโลกออนไลน์ เปี่ยมด้วยอารมณ์ความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ใช่แค่ประเด็นโควต้าหรือตัวเลข แต่คือความรู้สึกร่วมของคนหนุ่มสาวที่มองเห็นโอกาสของตัวเองหดแคบลงในบ้านเกิดตัวเอง

บนชั้นวางหนังสือเก่า ร้านน้ำชาเล็ก ๆ หรือแม้แต่ในหอพักนักศึกษา เรื่องเล่าเกี่ยวกับ

“เด็กรุ่นใหม่ต้องถอยไปอีกขั้น ก่อนโอกาสดีจะตกถึงมือ” ถูกเล่าซ้ำ ๆ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง เหล่ามือใหม่ใน

สายงานเทคโนโลยีรู้ดีว่า เมื่อการแข่งขันกับเพื่อนร่วมชาติยังตีตั๋วผ่านยาก แล้ววันนี้ต้องเผชิญกับคู่แข่งจากหลายทวีป

ความหวังจึงปะปนกับความกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วีซ่า K จุดไฟวิกฤติศรัทธา บางคนมองเห็นช่องทางสร้างโอกาสใหม่ให้บ้านเกิด บางคนเห็นเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจทำให้อนาคตของคนรุ่นตนเองรางเลือนกว่าเดิม คำถามจริง ๆ ของยุคนี้คือ สังคมจีนจะหยิบความเปลี่ยนแปลงนี้ไปสร้างอนาคตใหม่ หรือจะปล่อยให้มันกลายเป็นรอยร้าวระหว่างฝันกับความจริง