ศาลสั่งประหารแก๊งโหดฆ่า “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แก๊งค์มิง" คดียิงน้องหยอด นักศึกษาอุเทนถวาย และครูเจี๊ยบ ก่อนลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญที่สังคมไทยให้ความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงปี 2566 คือเหตุการณ์ยิงกราดกลางกรุงที่คร่าชีวิต “น้องหยอด” นายธนสรณ์ อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย และทำให้ “ครูเจี๊ยบ” นางสาวศิรดา ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ต้องเสียชีวิตจากการถูกลูกหลงอย่างไม่ตั้งใจ
คดีนี้ไม่เพียงเป็นการสูญเสียของครอบครัวผู้ตาย แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันการศึกษา ที่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนานนับสิบปี และกลายเป็นแผลลึกในสังคมไทย เมื่อศาลอาญารัชดาภิเษกมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ว่า กลุ่มคนร้ายทั้ง 14 คน ที่ถูกฟ้องร้องในคดีนี้ มี 11 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ศาลพิพากษา ประหารชีวิต แต่เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต
คดีดังกลางกรุง: เหตุกราดยิงหน้าธนาคารคลองเตย
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2566 เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นบริเวณ หน้าธนาคารแห่งหนึ่งย่านคลองเตย ถนนสุนทรโกษา เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กลุ่มนักศึกษาที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นคู่อริ
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่
นายธนสรณ์ หรือ "น้องหยอด" อายุ 19 ปี นักศึกษาอุเทนถวาย
นางสาวศิรดา หรือ "ครูเจี๊ยบ" ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกลูกหลง
นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บอันตรายต่อร่างกายอีก 2 ราย
ข่าวการเสียชีวิตของน้องหยอดและครูเจี๊ยบทำให้สังคมสะเทือนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะครอบครัวของทั้งสองที่ไม่อาจทำใจได้กับความสูญเสียจากความขัดแย้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ความขัดแย้งยาวนานระหว่างสองสถาบัน
คดีนี้มีรากเหง้ามาจาก ความขัดแย้งระหว่างสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและอุเทนถวาย ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาหลายสิบปี เป็นปัญหาที่สังคมไทยรับรู้กันมานาน เนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าวมักนำไปสู่เหตุทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย และบางครั้งก็ถึงขั้นสูญเสียชีวิต
ในเดือนกรกฎาคม 2565 ก่อนเกิดเหตุกราดยิงนี้เพียงหนึ่งปี เคยมีกรณีนักเรียนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน เหตุการณ์นั้นได้กลายเป็นชนวนที่ทำให้กลุ่มจำเลยวางแผนล้างแค้น โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มนักศึกษาอุเทนถวาย
การวางแผนอย่างเป็นระบบของแก๊งค์มิง
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าจำเลยทั้งหมดมีการ สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อวางแผนฆ่าผู้อื่น โดยมีการประชุมกันเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่บ้านพักของจำเลยที่ 7 ในย่านหนองจอก
รายละเอียดการวางแผนคือ:
แบ่งหน้าที่ชัดเจนในการจัดเตรียมอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์
ใช้เบอร์โทรศัพท์เฉพาะกิจสำหรับการก่อเหตุ
ส่งทีมไปดูลาดเลาบริเวณจุดเกิดเหตุล่วงหน้า
ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 แต่งกายเป็นไรเดอร์เพื่ออำพรางตัว และทำหน้าที่ส่งสัญญาณ ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุอีกหลายคนจะขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปกราดยิงใส่กลุ่มนักศึกษา โดยไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล
การกราดยิงครั้งนั้นไม่เพียงทำให้เป้าหมายเสียชีวิต แต่ยังคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างครูเจี๊ยบ และทำให้คนในพื้นที่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว
หลักฐานเด็ดจากกล้องวงจรปิด
ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมา ซึ่งประกอบไปด้วย ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกเหตุการณ์ได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างที่เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมถึงการสอบสวนเส้นทางหลบหนี การใช้โทรศัพท์ และการจัดเตรียมอาวุธ
ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานทั้งหมดมีน้ำหนักเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1-5, 7-9, 11-13 มีส่วนร่วมกันประชุม วางแผน และลงมือก่อเหตุจริง ขณะที่จำเลยที่ 6, 10 และ 14 ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาของศาล
ศาลอาญารัชดาภิเษกห้องพิจารณา 806 ได้มีคำพิพากษาดังนี้
จำเลยที่ 1-5, 7-9, 11-13 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลพิพากษา ประหารชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต
ให้จำเลยทั้ง 11 คน ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 1,677,400 บาท
สำหรับจำเลยที่ 6, 10 และ 14 ศาลมีคำพิพากษา ยกฟ้อง
เสียงสะท้อนจากสังคม
หลังจากศาลมีคำพิพากษา กระแสในสังคมได้สะท้อนออกมาในหลายมุมมอง
ครอบครัวผู้เสียชีวิต แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยได้ แม้คำพิพากษาจะเป็นการลงโทษผู้ก่อเหตุ แต่ความเจ็บปวดจากการเสียลูกหลานและคนที่รักยังคงอยู่
ประชาชนทั่วไป มองว่าคำพิพากษาครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญในการจัดการปัญหาความรุนแรงของนักศึกษาอาชีวะ และหวังว่าคดีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบัน
นักวิชาการด้านกฎหมาย เห็นว่าคำพิพากษาสะท้อนให้เห็นถึงความเด็ดขาดของศาลไทยในการจัดการกับคดีที่มีความรุนแรงต่อสาธารณะ แต่ก็ยังมีคำถามว่าการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงควรอยู่ที่การป้องกันก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่เพียงการลงโทษภายหลัง
คดีนี้สอนอะไรสังคมไทย?
1. ความขัดแย้งระหว่างสถาบันไม่ควรถูกละเลย – ปัญหาที่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนานเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
2. ผู้บริสุทธิ์อาจตกเป็นเหยื่อได้ทุกเมื่อ – เช่นกรณีของครูเจี๊ยบ ที่เพียงเดินผ่านจุดเกิดเหตุก็ต้องสูญเสียชีวิตโดยไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
3. กฎหมายต้องเข้มงวดและเป็นธรรม – เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ก่อเหตุจะถูกลงโทษอย่างสาสม และเพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำ
4. สังคมต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาที่รากเหง้า – ทั้งในระดับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ต้องช่วยกันปลูกฝังแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ลดการสร้างศัตรูจากเพียงแค่ชื่อสถาบัน
บทสรุป
คดี “แก๊งค์มิง ยิงน้องหยอดและครูเจี๊ยบ” ถือเป็นคดีตัวอย่างที่สะท้อนทั้งด้านมืดของความขัดแย้งในสังคม และความเด็ดขาดของกระบวนการยุติธรรมไทย แม้คำพิพากษาจะนำไปสู่การลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ก่อนลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจากไปก็ไม่อาจหวนกลับคืนมา
สังคมไทยควรเรียนรู้จากคดีนี้ว่า ความรุนแรงไม่เคยนำไปสู่ทางออกที่แท้จริง การแก้แค้นระหว่างสถาบันไม่เพียงทำร้ายคู่กรณี แต่ยังทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่ออย่างไม่ควรจะเป็น
ในที่สุด คำพิพากษาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการตัดสินโทษของจำเลยทั้ง 11 คน แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ทั้งสังคมต้องหันมาร่วมมือกันสร้างวัฒนธรรมแห่งสันติและการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพซึ่งกันและกัน
หากเลิกบุหรี่วันนี้ หลังจากสูบบุหรี่มวนสุดท้าย 20 นาทีต่อมา ร่างกายจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง
ถูกลอตเตอรี่ 1,000 ล้าน แต่สุดท้ายต้องจบชีวิต เรื่องจริงที่โลกไม่ลืม
“เต้ อาชีวะ” ตั้งคำถามแรงถึง “ไอซ์ รักชนก” ปมภาพถ่ายคู่เจ้าพ่อเว็บออนไลน์ – สะเทือนพรรคสีส้ม!
กัมพูชาปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ “ฮุน มาเน็ต” สั่งห้ามเรียนไทย – ปลูกฝังชาติ สกัดสมองไหล
Social Media Detox สิ่งที่ควรทำเมื่อติดโซเชียลมากไป ปรับสมดุลฟื้นฟูสุขภาพจิต
หญิงสาวในศรีราชาชลบุรี ถูกชายขี่มอเตอร์ไซค์ตามกลับบ้าน และเกือบถูกทำร้าย
กาแฟแพงที่สุดในโลก ราคากว่า 30,000 บาทต่อแก้ว! จำกัดเพียง 400 แก้ว สร้างสถิติโลกกินเนสส์
😊 ลองมาดูรูปภาพที่คุณจะต้องตะลึง ซึ่งพิสูจน์ว่ากาลเวลาไม่เคยละเว้นสิ่งใดทั้งนั้น แม้กระทั่งสิ่งของ 😃
ห่างกัน 31 ปีเพราะคำว่า “พักร้อน” เรื่องจริงของลูกชายที่ได้กอดแม่อีกครั้ง
พ่อและลูกชายเสียชีวิต หลังถูกแตนต่อยขณะไปเที่ยวพักผ่อนที่ลาว
แผนการสร้างลิฟต์แก้วบนหน้าผาในบาหลีของบริษัทจีน ถูกทางการสั่งหยุดการก่อสร้างทั้งหมด
กิจกรรมแก้เครียดตามกรุ๊ปเลือด
#ทายนิสัยด้านความรักและการเงินจากเวลาเข้านอน:
หญิงสาวในศรีราชาชลบุรี ถูกชายขี่มอเตอร์ไซค์ตามกลับบ้าน และเกือบถูกทำร้าย
🚍 “รถเมล์ครีมน้ำเงิน สาย 11” บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ – บรรยากาศกรุงเทพฯ ยุค พ.ศ. 2534 ที่ยังไม่เคยเลือนหาย
วิกฤติราคาข้าวในกัมพูชา กิโลกรัมละ 4 บาท สาเหตุนอกจากการที่มีปัญหากับไทยแล้ว ยังมีปัจจัยอะไรอีกบ้าง ?
สายขี้เกียจอ่านด่วน"ลดน้ำหนัก" แบบไม่ออกกำลังกาย ทำยังไง? แค่ปรับเรื่อง "กิน" ก็ลีนได้
ดราม่าไม่จบ! ประธาน Miss Universe เดือด! ประณาม “ณวัฒน์” ใช้ความรุนแรงใส่ Miss Mexico – สั่งจำกัดบทบาททันที
นางงาม “เขมร” อ้างชุดไทย-ลอยกระทง เป็นวัฒนธรรมเขมรดั้งเดิม ชี้มีหลักฐานสลักบนกำแพงนครวัด
หญิงอังกฤษถูกจับหลังเปิดคลาสโยคะเซ็กส์ในร้านอาหารบนเกาะพะงัน โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 400 บาทจากผู้เข้าร่วม
"ไอซ์ รักชนก" แซะแรง! "วัน อยู่บำรุง" เคลมผลงานคนอื่น..โพสต์โชว์ภาพสะพาน


