ปิดคดี 12 ปี! พบตัว 'น้องเก๋' สาวโรงงาน หายลึกลับ ไม่มีปาฏิหาริย์

น้องเก๋ หญิงสาวโรงงานหายตัวปริศนา 12 ปี พบศพนิรนามหลังตรวจดีเอ็นเอ

วันที่ 23 กันยายน 2568 กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการสังคมออนไลน์และสื่อข่าว หลังมูลนิธิกระจกเงา ออกมาแจ้งความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับกรณี น้องเก๋ หญิงสาววัย 23 ปี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับหลังเรียนจบราชภัฏบุรีรัมย์ และไปทำงานที่โรงงานย่านแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2556 ซึ่งผ่านมากว่า 12 ปี แต่ล่าสุดพบร่างศพนิรนามตรงกับดีเอ็นเอของน้องเก๋ ทำให้กรณีนี้กลายเป็นความสนใจของสังคมอีกครั้ง

 

เบื้องหลังการหายตัวของน้องเก๋

น้องเก๋ หรือ นางสาวภาวิณี กอไธสง เป็นหญิงสาวชาวบุรีรัมย์ หลังเรียนจบได้เดินทางไปทำงานโรงงานในพื้นที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จากนั้นก็ขาดการติดต่อกับครอบครัวอย่างลึกลับ ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงและเริ่มออกตามหาลูกสาว

พ่อของน้องเก๋ได้เดินทางไปตรวจสอบ ห้องเช่าในแหลมฉบัง ของลูกสาว พบว่าของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า เอกสารสำคัญ และข้าวของทุกอย่างยังอยู่ครบ จึงเป็นไปได้ว่าการหายตัวไปไม่ได้เกิดจากการย้ายที่อยู่ตามปกติ

ครอบครัวน้องเก๋ได้สอบถามเพื่อนร่วมงานและชายหนุ่มที่น้องเก๋เคยคบ แต่ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องเก๋

 

เบาะแสสุดท้ายก่อนการหายตัว

ข้อมูลสำคัญที่มีส่วนช่วยในการตามหาน้องเก๋มาจาก เพื่อนมัธยมปลาย ของเธอ ซึ่งให้ข้อมูลว่า วันที่น้องเก๋ขาดการติดต่อ ได้โทรศัพท์มาขอให้เพื่อนช่วยขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งริมถนนใกล้มอเตอร์เวย์ โดยบอกเพียงว่าจะติดรถไปทำงานในกรุงเทพฯ

เบาะแสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสันนิษฐานว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นกับน้องเก๋ และทำให้ทีมงานมูลนิธิกระจกเงาเริ่มการสืบสวนเชิงลึก

 

การตามหาและความพยายามของมูลนิธิกระจกเงา

ตลอดระยะเวลา 12 ปี มูลนิธิกระจกเงา ประกาศตามหาน้องเก๋อย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลศพนิรนามในหลายจังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด

ในปี 2556 มีการพบศพนิรนามเพศหญิงรวม 15 ราย ทีมงานจึงได้ประสานตรวจเทียบ ดีเอ็นเอกับมารดาของน้องเก๋ แต่ผลกลับไม่ตรงกับศพรายใด เนื่องจากขณะนั้นการตรวจดีเอ็นเอยังทำได้ยาก และต้องตรวจทีละราย ทำให้การตามหาศพนิรนามเป็นไปอย่างล่าช้า

ความสำเร็จในการตรวจดีเอ็นเอ

ความพยายามในการตามหาน้องเก๋ไม่หยุดนิ่ง เมื่อ ต้นปี 2568 มูลนิธิกระจกเงาเดินทางไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของมารดา ส่งตรวจที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งขณะนั้นมีระบบฐานข้อมูลศพนิรนามที่ทันสมัย สามารถตรวจเทียบดีเอ็นเอได้กับศพทุกศพในฐานข้อมูล

ผลปรากฏว่า ดีเอ็นเอของมารดา ตรงกับโครงกระดูกศพนิรนาม ที่พบบริเวณกลางทุ่งนา ป่าปรือ ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ในเดือนเมษายน 2557

โครงกระดูกนี้ถูกเก็บรักษาอย่างดี แต่เนื่องจากเป็นศพเก่าที่เหลือเพียงกระดูก และพื้นที่นั้นเป็นทุ่งนา มีชาวบ้านเผาป่าปรือเพื่อจับหนู ทำให้พบโครงกระดูกดังกล่าวโดยบังเอิญ

 

การชันสูตรและการฝังศพ

โครงกระดูกที่พบได้ถูกนำไปชันสูตรที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันความตายและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม หลังจากยืนยันตัวตนของศพแล้ว ศพถูกฝังไว้ที่ สุสานศพนิรนามในจังหวัดชลบุรี ตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

การยืนยันตัวตนของน้องเก๋หลังหายตัวไปนานกว่า 12 ปี เป็นทั้งความเศร้าและความโล่งใจให้กับครอบครัว แม้จะเสียใจต่อการสูญเสีย แต่ก็สามารถ รู้ความจริง ว่าน้องเก๋จากไปแล้ว

ครอบครัวยังคงเรียกร้องความยุติธรรม และหวังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลึกลับเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

 

ประเด็นทางกฎหมายและสังคม

กรณีของน้องเก๋ชี้ให้เห็นถึงหลายประเด็นสำคัญ ทั้งด้านกฎหมายและสังคม

1. ความสำคัญของฐานข้อมูลดีเอ็นเอ

การตรวจดีเอ็นเอมีบทบาทสำคัญในการระบุตัวบุคคล โดยเฉพาะกรณีหายตัวไปนานหลายปี การพัฒนาระบบฐานข้อมูลศพนิรนามทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

2. การเฝ้าระวังคนหายในพื้นที่เสี่ยง

พื้นที่ที่น้องเก๋หายตัวไปและพบศพ เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องมีมาตรการป้องกันและติดตามผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่

3. บทบาทของมูลนิธิและองค์กรเอกชน

มูลนิธิกระจกเงาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการทำงานร่วมกับครอบครัวและเจ้าหน้าที่ สามารถช่วยให้คนหายได้รับความยุติธรรม

4. การติดตามผู้เกี่ยวข้องทางกฎหมาย

ขณะนี้ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องเก๋ ครอบครัวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันเพื่อ สอบสวนและเอาผิดผู้กระทำ

 

สรุปเหตุการณ์และความสำคัญ

น้องเก๋หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 หลังเดินทางไปทำงานโรงงานที่แหลมฉบัง

การตามหานานกว่า 12 ปี ผ่านการเก็บเบาะแส ตรวจสอบเพื่อนร่วมงาน และชายหนุ่มที่น้องเก๋เคยรู้จัก

ศพนิรนามที่พบในปี 2557 บริเวณลาดกระบัง ถูกตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วตรงกับน้องเก๋

ครอบครัวเสียใจแต่พอใจที่รู้ความจริง และเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป

กรณีนี้สะท้อนถึง ความสำคัญของการติดตามคนหาย การตรวจสอบข้อมูล และบทบาทของมูลนิธิเอกชน ที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้คนหายได้รับการค้นหาและความยุติธรรม

 

การติดตามความยุติธรรม

แม้ว่าน้องเก๋จะเสียชีวิตแล้ว แต่ประเด็นเรื่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ยังไม่ชัดเจน ครอบครัวและมูลนิธิเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐดำเนินการสอบสวน เพื่อให้ผู้กระทำผิดรับผิดชอบ

สังคมควรให้ความสนใจและสนับสนุนความพยายามนี้ เพื่อเป็น ตัวอย่างและบทเรียน สำหรับการป้องกันและการจัดการกรณีคนหายในอนาคต