เฉลยความลับ 7-11! อินฟลูสาวเตือน หยุดทำพฤติกรรมนี้ ไม่งั้นพนักงานถูกหักแต้มทันที
พนักงานเซเว่นฯ เตือนดราม่าไวรัล อินฟลูเอนเซอร์ดึงลิ้นชักชั้นวางสินค้า เผยความสำคัญของระบบ FEFO และผลกระทบต่อร้าน
ในยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลสูง การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถกลายเป็นกระแสไวรัลได้ในพริบตา หนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือคลิปของอินฟลูเอนเซอร์สาวรายหนึ่งที่เข้าไปซื้อของในร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven) และได้ลองดึงลิ้นชักชั้นวางอาหารแช่แข็งออกมาโชว์ต่อผู้ติดตาม เพื่อแนะนำเคล็ดลับในการเลือกหยิบสินค้าจากด้านหลังที่ดูใหม่กว่า ทว่าคลิปดังกล่าวกลับสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากบรรดาพนักงานและอดีตพนักงานเซเว่นฯ ที่ออกมาเตือนว่า การกระทำนี้ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเสี่ยงทำให้ชั้นวางเสียหายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อระบบจัดการสินค้า FEFO (First Expire, First Out) ที่ร้านค้าปลีกใช้ในการควบคุมคุณภาพสินค้าอีกด้วย
เหตุการณ์ไวรัล: อินฟลูเอนเซอร์สาวดึงลิ้นชักชั้นวางในเซเว่นฯ
คลิปที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นอินฟลูเอนเซอร์สาวคนหนึ่งที่ทดลองดึงลิ้นชักของชั้นวางอาหารแช่แข็งในร้านเซเว่นฯ เพื่อหยิบสินค้าจากด้านใน โดยเธออธิบายว่าของที่อยู่ด้านหลังมักจะมีวันหมดอายุไกลกว่าของด้านหน้า ทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่สดใหม่กว่า แต่การกระทำนี้กลับกลายเป็นประเด็นถกเถียงทันที เพราะพนักงานหลายคนออกมาชี้แจงว่า ลูกค้าไม่ควรทำเช่นนั้นด้วยตัวเอง
อดีตพนักงานเซเว่นฯ รายหนึ่งอธิบายว่า ชั้นวางสินค้าในเซเว่นฯ ถูกออกแบบให้มีตัวล็อก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าดึงลิ้นชักออกมาโดยพลการ การฝืนดึงอาจทำให้รางเลื่อนหรือโครงสร้างของชั้นวางเสียหาย และร้านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม นอกจากนี้ การดึงสินค้าจากด้านในยังส่งผลเสียต่อการจัดการสต็อกที่ใช้มาตรฐาน FEFO อีกด้วย
รู้จักระบบ FEFO: First Expire, First Out
ระบบ FEFO (First Expire, First Out) คือมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นฯ หลักการง่าย ๆ ของ FEFO คือ “สินค้าที่ใกล้หมดอายุต้องถูกขายออกไปก่อน” เพื่อป้องกันการค้างสต็อกและลดความเสี่ยงในการขายสินค้าที่หมดอายุให้แก่ผู้บริโภค
ขั้นตอนการทำงานของพนักงานในระบบ FEFO ได้แก่:
1. ตรวจสอบวันหมดอายุ – พนักงานจะต้องตรวจสอบวันหมดอายุของสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
2. จัดเรียงสินค้า – สินค้าที่ใกล้หมดอายุจะถูกวางไว้ด้านหน้า ส่วนสินค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่จะถูกวางไว้ด้านหลัง
3. ควบคุมคุณภาพ – เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าจะได้รับของที่ปลอดภัยต่อการบริโภค และร้านค้าลดความเสี่ยงจากการเสียหายของสินค้า
ระบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวทาง แต่ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ร้านค้าปลีกต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งต่อธุรกิจและผู้บริโภค
ทำไมลูกค้าไม่ควรดึงสินค้าจากด้านใน?
แม้ลูกค้าหลายคนอาจคิดว่าการเลือกสินค้าจากด้านในจะทำให้ได้ของใหม่กว่า แต่ในมุมของธุรกิจค้าปลีก การกระทำนี้กลับสร้างปัญหาใหญ่ ดังนี้:
1. ทำลายระบบ FEFO
เมื่อหยิบของจากด้านใน สินค้าที่ใกล้หมดอายุด้านหน้าจะค้างอยู่ และอาจหมดอายุก่อนถูกขายออก ทำให้เกิดการสูญเสียสินค้า
2. ส่งผลต่อคะแนนประเมินสาขา
ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นฯ มีระบบการตรวจสอบสต็อก หากพบว่าสินค้าที่หมดอายุยังค้างอยู่บนชั้นวาง สาขาจะถูกหักคะแนน ซึ่งกระทบทั้งชื่อเสียงและผลประกอบการ
3. ความเสียหายของชั้นวาง
ชั้นวางถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานตามมาตรฐาน ไม่ได้ตั้งใจให้ลูกค้าดึงลิ้นชักออกมา หากฝืนดึงอาจทำให้ชำรุดและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อม
4. ความปลอดภัย
การดึงลิ้นชักโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ชั้นวางหลุดออกมาหรือสินค้าเสียหาย
ความเข้าใจผิดของผู้บริโภคกับความจริงในร้านสะดวกซื้อ
หลายคนอาจมองว่า การหยิบของจากด้านในคือ “เคล็ดลับการซื้อของ” ที่ช่วยให้ได้สินค้าสดใหม่ แต่ความจริงแล้ว ร้านสะดวกซื้อได้ออกแบบระบบเพื่อดูแลคุณภาพสินค้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบวันหมดอายุ การจัดเรียงสินค้า และการควบคุมสต็อกตามมาตรฐาน FEFO
ดังนั้น แม้สินค้าที่อยู่ด้านหลังอาจมีวันหมดอายุที่นานกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้าด้านหน้าจะไม่มีคุณภาพ เพราะพนักงานได้เลือกและจัดวางอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้สินค้าที่ปลอดภัยและมีคุณภาพเหมือนกัน
ผลกระทบหากไม่ปฏิบัติตามระบบ FEFO
การไม่ปฏิบัติตามระบบ FEFO ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อร้านค้า แต่ยังมีผลต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวม ได้แก่:
สูญเสียทางเศรษฐกิจ: สินค้าที่หมดอายุแล้วขายไม่ออกจะกลายเป็นต้นทุนที่สูญเปล่า
ความเสี่ยงด้านสุขภาพ: หากมีการหยิบสินค้าหมดอายุไปโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
ชื่อเสียงของร้านค้า: การถูกตรวจพบว่าวางสินค้าหมดอายุบนชั้นวาง จะทำให้ร้านเสียความน่าเชื่อถือ
ภาระของพนักงาน: หากสาขาถูกหักคะแนนประเมิน จะกระทบโดยตรงต่อพนักงานที่ทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลคุณภาพสินค้า
บทเรียนจากกระแสดราม่า
เหตุการณ์อินฟลูเอนเซอร์สาวดึงลิ้นชักในเซเว่นฯ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า โซเชียลมีเดียสามารถสร้างความเข้าใจผิดได้ง่าย แม้เจตนาของผู้โพสต์อาจจะไม่ได้ร้ายแรง แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับสร้างความเสียหายทั้งต่อร้านค้าและต่อความเข้าใจของผู้บริโภค
สิ่งสำคัญคือ ลูกค้าควรเข้าใจระบบการทำงานของร้านค้า และให้ความร่วมมือกับพนักงานในการรักษามาตรฐานการจัดการสินค้า หากต้องการเลือกสินค้าวันหมดอายุไกล ๆ สามารถสอบถามพนักงานได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยกว่าการดึงลิ้นชักด้วยตัวเอง
สรุป: ร่วมมือกันเพื่อคุณภาพสินค้าและประสบการณ์ที่ดี
กรณีนี้ไม่เพียงแต่เป็นกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ แต่ยังเป็นบทเรียนที่สะท้อนให้ผู้บริโภคเห็นถึงความสำคัญของระบบจัดการสินค้าในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นฯ ระบบ FEFO ไม่ได้มีไว้เพื่อประโยชน์ของร้านค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค
ดังนั้น ครั้งต่อไปเมื่อไปซื้อของในร้านเซเว่นฯ หรือร้านสะดวกซื้ออื่น ๆ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดึงสินค้าจากด้านใน เพราะพนักงานได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว หากมีข้อสงสัยเรื่องวันหมดอายุ สามารถหยิบมาดูได้ หรือสอบถามพนักงาน ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษาระบบและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าหมดอายุค้างอยู่บนชั้นวาง













