หนุ่มสุดงง! เจอหญิงวัย 60 ตามตื้อ บอกอยากมีลูกด้วย
อดีตอินฟลูเอนเซอร์ผวา! หญิงวัย 60 ปีตามรังควานหนักถึง 3 ครั้ง อ้างอยากมีลูกด้วย บอกไม่เคยเจอใครหล่อขนาดนี้ ต้องเห็นหน้าไม่งั้นนอนตายตาไม่หลับ
กลายเป็นข่าวสะเทือนสังคมออนไลน์ เมื่อมีรายงานจากจังหวัดอุดรธานีว่า นายต้า อดีตอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังวัย 44 ปี ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อถูกหญิงสูงอายุวัยประมาณ 60 ปี ตามรังควานถึงหน้าบ้านหลายครั้งติดต่อกัน โดยอ้างว่าหลงใหลในความหล่อเหลาของเจ้าตัว และถึงขั้นพูดตรง ๆ ว่าอยากมีลูกด้วย หากไม่ได้พบหน้าอาจนอนตายตาไม่หลับ
เหตุการณ์ล่าสุดที่บ้านพักในอุดรธานี
ร.ต.อ. ศุภชัย เหลือลั่น รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุร้องเรียนว่ามีหญิงสูงอายุสร้างความรำคาญและรังควานอยู่ที่หน้าบ้าน ภายในซอยวรรณกา 1 ชุมชนบ้านถ่อน อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ พบหญิงวัย 60 ปี ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านของนายต้า แต่ทางเจ้าของบ้านปฏิเสธไม่ให้เข้ามาภายใน เนื่องจากไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้ซักถามหญิงรายนี้ ทราบว่าเธอรู้จักนายต้าผ่านทางโลกโซเชียล และได้ติดตามมาตลอด โดยมีความพยายามโทรศัพท์หานายต้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อถูกเชิญไปที่สถานีตำรวจ หญิงรายนี้ก็ยินยอมแต่โดยดี ทว่าก่อนขึ้นรถกลับ เธอยังกล่าวย้ำว่า “เกิดมาไม่เคยเห็นใครหล่อขนาดนี้ ต้องมาเห็นให้ได้สักครั้ง ไม่เช่นนั้นจะนอนตายตาไม่หลับ”
นายต้าเล่าว่า เรื่องราวเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามา โดยอ้างว่าได้เบอร์จากเพจร้านอาหารของพี่ชายที่จังหวัดหนองคาย ตอนแรกอ้างว่าจะมาดูสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนที่บ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่ได้คุยเรื่องสุนัข และเริ่มพฤติกรรมติดตามตนแทน
ครั้งแรก หญิงวัย 60 รายนี้เดินทางมาที่บ้านพร้อมกระเป๋าจำนวนมาก ทั้งกระเป๋าลากและกระเป๋าสะพายหลายใบ มายืนรอหน้าบ้านกว่า 1 ชั่วโมง โดยสวมหมวกและหน้ากากปิดบังใบหน้า พยายามขอเข้าไปในบ้านอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกปฏิเสธ จนเพื่อนบ้านต้องออกมาเคลียร์นานหลายชั่วโมง สุดท้ายจึงยอมกลับไป
หลังจากนั้น นายต้าได้ตรวจสอบโซเชียลมีเดีย พบว่าหญิงรายนี้มีหลายบัญชี ทั้งเฟซบุ๊ก TikTok และอินสตาแกรม จึงพยายามบล็อกทั้งหมด แต่ไม่นานก็มีบัญชีใหม่ ๆ โผล่มาอีกตลอด และมักเป็นคนแรกที่กดไลก์สตอรี่ทุกครั้ง
การกลับมาอีกครั้ง พร้อมขอแต่งงาน
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน หญิงรายนี้กลับมาที่บ้านอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ยังคงหอบกระเป๋ามาด้วย แต่เพิ่มพฤติกรรมสุดช็อก คือการขอแต่งงานกับนายต้า พร้อมบอกตรง ๆ ว่าอยากมีลูกด้วยกัน อีกทั้งยังอ้างว่าตนเป็นลูกหลานผู้มีชื่อเสียงหรือคนมีฐานะ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ครั้งที่สาม โวยวายหนัก พยายามกระโดดกอด
ล่าสุด หญิงรายนี้กลับมาอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม และครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะมีการโวยวายเสียงดัง พยายามกระโดดกอดนายต้า และพูดซ้ำ ๆ ว่าจะขอแต่งงาน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต้องรีบเข้ามาช่วยกันกว่า 6-7 คน กว่าที่หญิงคนดังกล่าวจะยอมถอยออกไป เหตุการณ์กินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
แม้สุดท้ายเธอจะบอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะครอบครัวได้หาคู่แต่งงานให้แล้ว แต่เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดกลับพบว่า เธอยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ บ้าน หลีกฝนอยู่กับเพื่อนบ้านคนอื่น ทำให้นายต้ารู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องระมัดระวังมากขึ้น
คำให้การของนายต้า
นายต้าเปิดใจว่า ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับหญิงวัย 60 รายนี้ ไม่เคยทานข้าวหรือนัดเจอเป็นการส่วนตัว และไม่เคยให้ความหวังใด ๆ สิ่งที่เขาทำในโซเชียลมีเดียเป็นเพียงการโพสต์เก็บไว้เป็นบันทึกความทรงจำส่วนตัว เช่น รูปดูแลแม่หรือทำงานบ้าน แต่หญิงรายนี้กลับตีความว่าเขามีใจให้
“ไม่เกี่ยวกับหล่อหรือไม่หล่อ แต่เขาชื่นชมเราเพราะเห็นว่าเราดูแลแม่ ดูแลบ้านดี เขาติดตามทุกอย่างที่ผมลง จนคิดไปเองว่าเรามีความผูกพัน แต่จริง ๆ ผมไม่เคยคุยอะไรที่เป็นเชิงชักจูงเลย” นายต้ากล่าว
ผลกระทบต่อจิตใจและความปลอดภัย
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ เพราะพฤติกรรมของหญิงรายดังกล่าวถือว่าผิดปกติและอาจมีอันตรายได้ แม้นายต้าจะพยายามใจเย็น แต่เมื่อถูกตามรังควานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็จำเป็นต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันความรุนแรง
กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาการรังควานหรือ Stalking ที่กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทย ปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติกฎหมายเฉพาะเจาะจงสำหรับการตามตื้อหรือรังควานในลักษณะนี้ ทำให้เหยื่อหลายรายต้องพึ่งเพียงการแจ้งความลงบันทึกประจำวันหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเสนอว่า กฎหมายควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการปกป้องเหยื่อจากการถูกรังควาน ไม่ว่าจะเป็นการออกคำสั่งห้ามเข้าใกล้ (Restraining Order) หรือบทลงโทษที่เป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายจนเกิดอันตราย
เรื่องราวของนายต้าถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า โลกโซเชียลมีอิทธิพลต่อการรับรู้และการสร้างความสัมพันธ์มากแค่ไหน การติดตามกันในโลกออนไลน์อาจถูกบางคนตีความเกินจริง จนกลายเป็นความหมกมุ่นและนำไปสู่พฤติกรรมรังควานในชีวิตจริง
สำหรับผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดีย ควรตระหนักถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การจำกัดผู้ติดตาม การระวังข้อมูลส่วนตัวที่เผยแพร่ รวมถึงการบล็อกหรือรายงานผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
สรุป
เหตุการณ์ “อดีตอินฟลูเอนเซอร์ถูกหญิงวัย 60 ตามรังควาน” ไม่ใช่แค่เรื่องชวนขำหรือแปลกประหลาด แต่สะท้อนถึงปัญหาความปลอดภัยในสังคมยุคดิจิทัล ที่ใครก็ตามสามารถถูกติดตามหรือรังควานได้จากโลกออนไลน์ไปสู่โลกจริง หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดี
นายต้าหวังว่าการออกมาเล่าเรื่องนี้ จะช่วยให้สังคมเห็นความสำคัญของปัญหา และเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่เจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันได้รีบหาทางป้องกัน ไม่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
















