กัน จอมพลัง แฉพิรุธ! ป้ายทะเบียนเต็มบ้าน “กำนันลี” ซื้อรถไม่เอาเล่ม?
กัน จอมพลัง เปิดปริศนาป้ายทะเบียนรถไทยกองพะเนินในบ้าน “กำนันลี” คาดโยงการซื้อขายรถเถื่อน ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาร้อนระอุ
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในพื้นที่ บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ “เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ” มาเป็น โล่มนุษย์ เพื่อสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายไทย ขณะเดียวกันในฝั่งไทยก็เกิดประเด็นใหม่ที่ทำให้สังคมตั้งคำถามไม่แพ้กัน เมื่อ กัน จอมพลัง ได้ออกมาเปิดหลักฐานชุดใหญ่ เป็นภาพถ่ายป้ายทะเบียนรถของไทยจำนวนมากที่ถูกพบภายในบ้านของ “กำนันลี” ซึ่งกลายเป็นปริศนาว่า เหตุใดป้ายทะเบียนเหล่านี้จึงไปกองรวมกันอยู่ในบ้านกำนันรายนี้ได้
ปริศนาป้ายทะเบียนรถในบ้าน “กำนันลี”
กัน จอมพลัง นักเคลื่อนไหวชื่อดังที่มักจะเปิดโปงประเด็นทุจริตและเรื่องร้อนในสังคม ได้เผยแพร่ภาพถ่ายชุดหนึ่งซึ่งระบุว่าเป็น “ป้ายทะเบียนรถไทย” ที่ถูกพบกองพะเนินอยู่ภายในบ้านของกำนันลี (หรือกำนันสี) พื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยกันตั้งข้อสังเกตว่า “ป้ายทะเบียนเหล่านี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?”
เขาได้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้หลายประเด็น ได้แก่
1. อาจเกี่ยวข้องกับ การซื้อขายรถยนต์แบบผิดกฎหมาย ที่ไม่ดำเนินการเปลี่ยนเล่มทะเบียนอย่างถูกต้อง
2. อาจโยงไปถึง ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติ ที่มักลักลอบนำรถไปขายต่อในประเทศเพื่อนบ้าน
3. หรืออาจเป็นเพียงป้ายทะเบียนเก่าที่ไม่มีการใช้งานแล้ว แต่เหตุใดจึงต้องนำมารวมไว้ที่บ้านกำนัน
แม้กัน จอมพลัง จะย้ำว่าสิ่งที่นำมาเปิดเผยเป็นเพียง ข้อสังเกตส่วนตัว และยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ภาพถ่ายดังกล่าวก็เพียงพอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมในสังคม และกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
เชื่อมโยงกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
ประเด็นป้ายทะเบียนรถที่ถูกพบในบ้านกำนันลี เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว กำลังอยู่ในภาวะ ตึงเครียดสูงสุด
รายงานระบุว่า มีกลุ่มชาวกัมพูชาจำนวนมากเคลื่อนตัวเข้ามาประชิดแนวชายแดน โดยมีการใช้ ผู้หญิง เด็ก และพระสงฆ์ เป็นโล่มนุษย์ เพื่อสร้างภาพให้ดูเหมือนว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ การกระทำเช่นนี้ถูกมองว่าเป็น กลยุทธ์ยั่วยุ และหวังผลทางการเมืองระหว่างประเทศ
การใช้โล่มนุษย์ลักษณะนี้ทำให้ฝ่ายไทยต้องใช้ ความอดทนและการควบคุมสถานการณ์อย่างสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย เพราะหากมีการปะทะขึ้นจริงอาจถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงไปในเชิงลบ และกลายเป็นความเสียหายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รายการโหนกระแส เกาะติดสถานการณ์
วันที่ 22 กันยายน 2568 รายการ โหนกระแส ได้หยิบยกประเด็นนี้มาพูดคุยแบบเจาะลึก ทั้งสถานการณ์ชายแดนที่กำลังร้อนระอุ และเรื่องปริศนาป้ายทะเบียนรถในบ้านกำนันลี โดยมีการตั้งคำถามถึงความเชื่อมโยงว่า อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า ปัญหาชายแดนและขบวนการผิดกฎหมาย มีความเกี่ยวพันกันในระดับที่ลึกกว่าที่สังคมมองเห็น
การเปิดประเด็นบนเวทีสื่อใหญ่เช่นนี้ ยิ่งทำให้สังคมหันมาจับตามองกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เพียงแต่เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่ยังโยงไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดชายแดนไทย–กัมพูชา
จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 22 กันยายน 2568 มีรายงานยืนยันว่า ไม่มีมวลชนกัมพูชามาชุมนุมประชิดแนวรั้วชายแดนแล้ว โดยในพื้นที่ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วยังมีเพียงกลุ่มชาวบ้านราว 30–40 คน เดินวนเวียนอยู่ใกล้แนวชายแดน และมีทหารกัมพูชา 2–3 นาย คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทย
อย่างไรก็ตาม ฝั่งกัมพูชาได้เสริมกำลัง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) กว่า 100 นาย เข้ามาในพื้นที่ ขณะที่ฝั่งไทยโดย กองกำลังบูรพา และฝ่ายปกครองอำเภอโคกสูง ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังและดูแลความสงบตลอด 24 ชั่วโมง
มุมมองทางการเมืองและความมั่นคง
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า เหตุการณ์ที่ชายแดนครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงความขัดแย้งในระดับท้องถิ่น แต่มี นัยทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง การใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามสร้างภาพในสายตานานาชาติ ซึ่งอาจมีเป้าหมายเพื่อกดดันหรือเจรจาในบางประเด็น
ขณะที่การพบป้ายทะเบียนรถไทยจำนวนมากในบ้านกำนันลี ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อาจถูกใช้เป็นเส้นทางหรือฐานปฏิบัติการของขบวนการผิดกฎหมายบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการค้ารถผิดกฎหมาย การโจรกรรม หรือแม้กระทั่งการลักลอบขนสินค้าต้องห้าม
กระแสสังคมและแรงกดดันตรวจสอบ
หลังการเปิดเผยของกัน จอมพลัง กระแสสังคมได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะ ตำรวจและกรมการขนส่งทางบก เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป้ายทะเบียนที่พบในบ้านกำนันลีอย่างจริงจัง
หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นป้ายทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับคดีโจรกรรมรถ ก็อาจนำไปสู่การขยายผลครั้งใหญ่ และอาจเปิดโปงขบวนการที่โยงใยทั้งในประเทศและข้ามชาติ ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศโดยตรง
บทสรุป
เหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงเดือนกันยายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งวิกฤตที่ทั้งสองประเทศต้องเผชิญความท้าทายร่วมกัน ในขณะที่ฝ่ายไทยต้องรักษาความสงบและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ประเด็นใหม่อย่าง ปริศนาป้ายทะเบียนรถในบ้านกำนันลี ก็ได้กลายเป็นเงื่อนงำที่สังคมจับตามอง
การตรวจสอบอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมาจะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายข้อสงสัย ไม่เพียงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความจริงจังของภาครัฐในการจัดการกับปัญหาชายแดนและอาชญากรรมข้ามชาติ
















