บอย ภิษณุ เปิดใจ! ชีวิตหนักจนต้องพบจิตแพทย์ กู้กลับมาได้ 70%

“บอย ภิษณุ” เปิดใจครั้งแรก หลังมรสุมชีวิตถาโถม จนต้องพบจิตแพทย์นาน 2 ปี กลับมาได้ 70% พร้อมคืนวงการละคร

ในวงการบันเทิงไทย หากพูดถึงนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดีที่ฝากผลงานการแสดงและสร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ มาตลอด หลายคนคงนึกถึงชื่อของ “บอย ภิษณุ” ที่ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ไหนก็มักจะมาพร้อมรอยยิ้มและความเฮฮา ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์สดใสเหล่านั้น ชีวิตจริงของเขากลับเต็มไปด้วยบททดสอบและมรสุมหนักหนา

บอยได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 ถึงเส้นทางชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่การปิดฉากความรักกับอดีตภรรยาชาวต่างชาติ ปัญหาธุรกิจ งานละครที่หายไปยาวนานเกือบ 5 ปี รวมถึงผลกระทบจากคอมเมนต์ด้านลบในโลกออนไลน์ จนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์และกินยามาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 2 ปี

ข่าวดี! หวนคืนงานละครในรอบ 5 ปี

หนึ่งในเรื่องราวที่ทำให้แฟนๆ ดีใจ คือการที่บอย ภิษณุ กำลังจะกลับมามีผลงานละครอีกครั้ง หลังห่างหายจากจอทีวีนานถึง 5 ปี

เขาเผยว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นกับผลงานใหม่ที่กำลังจะออนแอร์ โดยในเรื่องนี้เขาจะได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นน้องชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ณเดชน์ คูกิมิยะ, เจมส์ มาร์ และแก๊ป จักริน โดยบอยรับบทเป็น “รุ่นพี่ในแก๊ง” ซึ่งเจ้าตัวก็พูดติดตลกว่า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพระเอกกล้ามแน่นเหมือนรุ่นน้อง แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้บทบาทเหมาะสมกับวัย และเป็นการกลับมาในจังหวะที่ลงตัว

 “ดีใจมากครับ เกือบ 5 ปีที่ไม่ได้เล่นละครเลย การได้กลับมาอีกครั้งมันทำให้สดชื่นมาก เหมือนได้หายคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ทั้งกองถ่าย ช่างไฟ ผู้กำกับ ตากล้อง ทุกคนเหมือนครอบครัว”

มรสุมชีวิต: รักพัง ธุรกิจเจ๊ง รายได้หายเกือบ 90%

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บอยเจอมรสุมชีวิตหลายด้าน ทั้งการปิดฉากชีวิตคู่กับอดีตภรรยาชาวต่างชาติ และปัญหาธุรกิจที่ทำให้เขาสูญเสียรายได้ไปเกือบ 90%

เขายอมรับว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต เพราะนอกจากเรื่องงานจะซบเซาแล้ว ยังมีแรงกดดันจากข่าวต่างๆ ที่ถูกนำเสนอออกมา ทำให้หลายครั้งต้องเผลอไปอ่านคอมเมนต์ด้านลบที่บั่นทอนจิตใจ

ผลกระทบจากคอมเมนต์ในโลกออนไลน์

บอยเล่าว่า ช่วงที่มีข่าวว่าตัวเอง “ไม่มีงาน” หรือ “ออกมาบ่นว่ารายได้ลดลง” ได้ทำให้ถูกกระแสวิจารณ์อย่างหนัก หลายคอมเมนต์มองว่าเขาไม่ควรบ่น เพราะดารายังมีชีวิตที่ดีกว่าคนทั่วไป

“จริงๆ ผมไม่ได้บ่นครับ แค่นักข่าวถามว่าช่วงนี้เป็นยังไง ผมก็ตอบตามตรงว่า ช่วงนี้มันแย่ งานน้อย รายได้หายไปเยอะ แต่พอข่าวออกไป กลายเป็นว่าคนตีความว่าเราบ่น จนผมรู้สึกเครียดมาก”

การอ่านคอมเมนต์ในช่วงที่สภาพจิตใจอ่อนแอ ทำให้บอยถึงขั้น “นอยด์” และจมอยู่กับความคิดลบพักใหญ่

โชคดีที่ได้เพื่อนสนิทอย่าง “ต้นหอม ศกุนตลา” คอยปลุกใจ บอกตรงๆ ว่า ถ้าไม่แข็งแรงพอ “อย่าไปอ่านคอมเมนต์” รวมถึงเพื่อนร่วมวงการอย่าง นิกกี้ ณฉัตร ที่แนะนำว่า ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเสพข่าว หรือเลือกมองมันในแง่ฝึกความแข็งแรงทางใจ

ถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์

ด้วยความกดดันหลายด้าน ทั้งชีวิตส่วนตัว การงาน และเสียงวิจารณ์ ทำให้บอยยอมรับตรงๆ ว่า เขาเสียเซลฟ์อย่างหนัก จนไม่สามารถจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ และต้องหันไปพึ่งผู้เชี่ยวชาญ

เขาเข้าพบจิตแพทย์และกินยามาเกือบ 2 ปีเต็ม เพื่อรักษาอาการซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล โดยเจ้าตัวบอกว่า “เคมีในสมองตก” ถ้าไม่กินยา อาการคิดวนหรือภูมิตกจะกลับมาอีก

“บางวันลืมกินยา ตอนกลางคืนจะคิดวน คิดเยอะไปหมด ไม่อยากเจอคน ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากทำอะไรเลย แต่พอทานยาให้ตรงเวลา อาการก็ดีขึ้น”

แม้จะยังต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง แต่บอยก็มองว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะมันคือการดูแลสุขภาพจิตเช่นเดียวกับการดูแลร่างกาย

ภาระ “เดอะแบก” ของครอบครัว

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บอยต้องเจอความกดดันหนัก คือการที่เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลคนรอบตัว และไม่เคยปฏิเสธหน้าที่นี้

เขายอมรับว่า การเป็น “เดอะแบก” อาจไม่ใช่สิ่งที่แก้ไขได้ แต่เขาเลือกที่จะทำด้วยความพอใจและเต็มใจ ทว่ามันก็ทำให้เกิดความกดดันสะสมจนต้องขอความช่วยเหลือจากแพทย์

การกลับมาของบอย ภิษณุ: 70% ของตัวเองคนเดิม

เมื่อถูกถามว่า ตอนนี้กลับมาเป็น “บอย คนเดิม” ได้มากแค่ไหน เจ้าตัวตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ผมคิดว่ากลับมาได้ซักประมาณ 70% แล้วครับ”

เขาเชื่อว่า การหาสาเหตุของปัญหาในชีวิตและแก้ไขไปทีละจุด จะช่วยให้กลับมาได้เต็มร้อยในอนาคต

เรื่องราวของบอย ภิษณุ เป็นเครื่องเตือนใจให้หลายคนเห็นว่า ดาราหรือคนในวงการบันเทิงก็มีปัญหาชีวิตไม่ต่างจากคนทั่วไป ความกดดันจากงาน ความรัก ธุรกิจ และเสียงวิจารณ์บนโลกออนไลน์ ล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างมหาศาล

สิ่งสำคัญคือการยอมรับว่าตัวเองไม่แข็งแรงพอ และกล้าที่จะขอความช่วยเหลือ การพบจิตแพทย์ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือการดูแลตัวเองให้เดินหน้าต่อได้

สรุป

จากชายหนุ่มอารมณ์ดีที่เคยเจอมรสุมชีวิตจนแทบยืนไม่ไหว วันนี้ “บอย ภิษณุ” กำลังกลับมาอีกครั้ง พร้อมพลังใจที่แข็งแรงขึ้นถึง 70% การหวนคืนจอแก้วในรอบหลายปีคงเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเขา และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่กำลังเผชิญปัญหาชีวิต

เพราะไม่ว่าเราจะเป็นใคร เมื่อถึงวันที่ชีวิตหนักหนา การยอมรับ ปรับตัว และขอความช่วยเหลือ ก็เป็นหนทางสู่การกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง