หมอปลายพราย กระซิบ เปิดใจหลังดราม่าถล่ม ทำนายไทย-กัมพูชา
ดราม่ากลับมาร้อนแรง! หมอปลาย พรายกระซิบ ชี้แจงกรณีพยากรณ์เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
วงการโหราศาสตร์ไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเกิด ดราม่าเกี่ยวกับหมอดูชื่อดัง “หมอปลาย พรายกระซิบ” ที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรก หลังถูกสังคมโจมตีอย่างหนัก กรณีการให้พยากรณ์เกี่ยวกับ เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ก่อนหน้านี้ หมอปลายถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การให้พยากรณ์นั้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จนเกิดกระแสตีกลับอย่างรุนแรงต่อหมอดูชื่อดังรายนี้
หมอปลายออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรก
วันที่ 21 กันยายน 2568 หมอปลายได้เข้าร่วมรายการ “นา คะสวนะ” โดยมี เอ พศิน รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการและสอบถามประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น โดยคำถามสำคัญที่ถูกตั้งขึ้นคือ
"หมอดูสามารถดูดวงให้ตัวเองได้หรือไม่?"
หมอปลายตอบทันทีว่า
"หมอดูไม่สามารถดูดวงให้ตัวเองได้"
คำตอบนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความซื่อสัตย์ของอาชีพโหราศาสตร์ไทย แต่ยังชี้ให้เห็นถึง ข้อจำกัดของการทำนายดวง และความแตกต่างระหว่างการพยากรณ์บุคคลอื่นกับการพยากรณ์ตนเอง
จุดเริ่มต้นของดราม่าหมอปลาย
หมอปลายเล่าถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่กระแสดราม่าว่า ในวันดังกล่าว เจ้าตัวเดินทางไปรับรางวัล หมอดูดีเด่นแห่งปี แต่ถูกผู้สื่อข่าวดักสัมภาษณ์ก่อนเข้ารับรางวัล
"ถ้าไม่ตอบคำถาม ก็เข้ารับรางวัลไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตอบ แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มของมหากาพย์ดราม่า"
หมอปลายยอมรับตรง ๆ ว่า อาจจะมีความผิดพลาดในการวิเคราะห์บางประเด็น โดยกล่าวว่า
"พอมานั่งคิดดู ผมอาจพลาดจริง ๆ และขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงเลือกอยู่เงียบ ๆ ฟื้นฟูตัวเอง และทบทวนความเข้าใจในอาชีพของเรา"
สิ่งที่หมอปลายฝากให้สังคมตั้งคำถาม คือ ความรับผิดชอบของหมอดูต่อผลลัพธ์การทำนาย
เมื่อการทำนายไม่เกิดขึ้นตามคาดหมาย
หมอปลายชี้ให้เห็นว่า การที่หมอดูให้พยากรณ์บางสิ่งและมันไม่เกิดขึ้นตามที่คาดหมาย ไม่ควรถูกสังคมมองว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลเสมอไป เพราะบางครั้ง สถานการณ์จริงอาจเปลี่ยนแปลงได้เอง
*"มันคือการปั่นกระแสมากกว่าที่จะเป็นข้อเท็จจริงตายตัว" หมอปลายกล่าว
เจ้าตัวยืนยันว่า อาชีพโหราศาสตร์มีลักษณะคล้ายกับงานบันเทิง เพราะเป็นการสื่อสารความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับแนวโน้มเหตุการณ์ ไม่ใช่การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐ
หมอปลายเผยเคล็ดลับการพยากรณ์
หมอปลายยังได้ให้คำอธิบายถึงหลักการทำงานของหมอดูว่า
หมอดูควรมีคู่มือหรือที่ปรึกษา: การวิเคราะห์หลายครั้งและมีการตรวจสอบช่วยลดความคลาดเคลื่อน
การทำนายไม่ใช่ข้อเท็จจริงตายตัว: แม้กรมอุตุนิยมวิทยาให้พยากรณ์ บางครั้งก็อาจไม่ถูกต้อง 100%
อาชีพนี้มีความเสี่ยงเรื่องความคาดหวังของสังคม: หมอดูอาจถูกสังคมบังคับให้รับผิดชอบต่อสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถ
"การพูดทำนายแต่ละครั้งไม่เหมือนรัฐบาลแถลงข่าว ต้องยอมรับว่ามันคือความเห็นส่วนตัวที่อาจเปลี่ยนแปลงได้" หมอปลายย้ำ
ดราม่าสะท้อนความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโหราศาสตร์
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า สังคมบางครั้งยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง การพยากรณ์โหราศาสตร์ กับ การรายงานข่าวหรือการแถลงข้อเท็จจริง
การพยากรณ์โหราศาสตร์มีความไม่แน่นอน
การทำนายขึ้นอยู่กับการตีความและสภาพแวดล้อม
ผลลัพธ์บางครั้งเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่มีใครควบคุม
หมอปลายจึงฝากข้อคิดถึงประชาชนว่า การฟังพยากรณ์ดวงควรใช้วิจารณญาณ ไม่ควรตื่นตระหนกหรือสร้างความหวาดกลัวโดยไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน
การรับมือกับกระแสโซเชียลและสังคม
หลังจากดราม่าครั้งนี้ หมอปลายเลือก อยู่เงียบ ๆ ฟื้นฟูตัวเองและทบทวนอาชีพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการรับมือกับ กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย
การเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองและสังคม ช่วยให้หมอดูสามารถทำงานต่อไปได้อย่างมั่นคงและรับผิดชอบต่อคำทำนายของตน
บทสรุป
ดราม่าครั้งล่าสุดของหมอปลาย พรายกระซิบ ชี้ให้เห็นว่า อาชีพโหราศาสตร์ มีทั้งเสน่ห์และความท้าทาย
แม้ว่าการทำนายจะสร้างความสนใจและความคาดหวัง แต่ก็ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์
หมอดูต้องมีความซื่อสัตย์และชัดเจนในขอบเขตของการทำนาย
ประชาชนควรใช้วิจารณญาณเมื่อฟังคำพยากรณ์ ไม่ตื่นตระหนกหรือตีความเกินจริง
หมอปลาย พรายกระซิบ ยืนยันว่า อาชีพนี้เป็นเหมือนงานบันเทิงที่มี ความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ไม่ใช่การแถลงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ
ดราม่าครั้งนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจทั้งผู้ให้พยากรณ์และผู้รับฟังให้เข้าใจว่า โหราศาสตร์คือศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งความเชื่อและวิจารณญาณควบคู่กัน
















