เพื่อนหักหลัง? เม พรีมายา แฉถูกอุบบริษัท กลายเป็นคนดังใช้ชีวิตหรู
เม พรีมายา แฉถูกหักหลัง ฮุบธุรกิจที่สร้างมากับมือ รายได้เดือนละ 40-50 ล้านหายวับต่อหน้า
ในโลกธุรกิจ ความเชื่อใจคือรากฐานที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อความไว้วางใจนั้นกลับถูกทำลายโดยคนใกล้ตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน กรณีล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ คือเรื่องราวของ "เม พรีมายา" หรือ พิชญ์นรี ตันติวิทย์ CEO สาวผู้ก่อตั้งแบรนด์ดัง "พรีมายา (Primaya)" ที่ออกมาเปิดใจถึงประสบการณ์เจ็บปวดครั้งใหญ่ในชีวิต หลังถูก คนสนิทและหุ้นส่วนที่ร่วมก่อตั้งธุรกิจด้วยกัน หักหลังและฮุบกิจการไปทั้ง ๆ ที่เธอเป็นผู้สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
จุดเริ่มต้นของความไว้ใจที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง
เม พรีมายา เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Phitnari Tantiwit ว่า เธอเคยเผชิญวิกฤติในชีวิตส่วนตัวครั้งใหญ่ ทำให้ต้องตัดสินใจถอนตัวออกจากบริษัทและ ฝากหุ้นไว้ในชื่อบุคคลอื่น เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ในช่วงเวลาที่เธอไม่พร้อมรับผิดชอบโดยตรง
ในเวลานั้น เธอไม่ได้สงสัยหรือระแวงอะไรเลย เพราะคนที่รับฝากหุ้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ เพื่อนและหุ้นส่วนที่ร่วมสร้างธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มต้น คนที่เธอไว้ใจที่สุด และในเวลานั้นคนเหล่านี้กำลังมีชื่อเสียงในสังคมออนไลน์ มีผู้ติดตามหลักล้าน ทำให้เธอมั่นใจว่าไม่อาจมีใครคิดทรยศได้
แต่ความจริงกลับโหดร้ายกว่าที่คิด…
วันที่ความจริงกระแทกหน้า
หลังจากธุรกิจยังดำเนินไปได้ดี และตัวเธอยังคงทำหน้าที่เป็นเหมือน "เบื้องหลัง" ที่คอยซัพพอร์ตทุกอย่าง ทั้งการตลาด การโปรโมต และการสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท โดยไม่ได้ออกหน้าเหมือนเมื่อก่อน เพราะถูกบอกให้เงียบ ไม่ต้องปรากฏตัว เธอเองก็ยอมเพราะเชื่อมั่นในเพื่อนและหุ้นส่วน
จนกระทั่งวันที่เธอต้องการกลับมาถือหุ้นในฐานะผู้ก่อตั้งตามเดิม กลับพบว่า ถูกยื่นเงื่อนไขมากมาย ราวกับเป็นคนนอก ทั้งที่เธอคือผู้สร้างแบรนด์ขึ้นมาด้วยมือ เป็นคนที่ใช้ชื่อเสียงและฐานผู้ติดตามส่วนตัวดันธุรกิจให้เติบโต
และแล้ว… สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เธอถูก ฮุบกิจการทั้งหมด ธุรกิจที่สร้างมากับมือ รายได้มหาศาลที่เป็นความมั่นคงของชีวิตและครอบครัว ถูกพรากไปในพริบตาโดยคนที่เธอเคยเรียกว่าเพื่อน
รายได้มหาศาลที่หายไป
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจคือ เม พรีมายาได้เปิดเผยตัวเลขรายได้ของบริษัทในช่วงก่อนถูกฮุบว่า รายได้ต่อเดือนสูงถึง 40-45 ล้านบาท และในเดือนสิงหาคม 2567 ยอดขายพุ่งเกือบแตะ 50 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมสาขาใหม่ที่กำลังขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำว่า ธุรกิจที่เธอสร้างขึ้นมาไม่ใช่เพียงแบรนด์เล็ก ๆ แต่เป็นอาณาจักรธุรกิจที่มีศักยภาพสูง และกลายเป็นเครื่องจักรทำเงินมหาศาลในตลาดอาหารเสริมและสุขภาพของไทย
สิ่งที่เม พรีมายาเสียไป ไม่ใช่เพียงตัวเลขเงินหลักสิบล้านบาทต่อเดือน แต่คือ ความเชื่อใจที่พังทลายลง เธอเล่าว่า ทุกวันนี้ต้องอยู่กับบาดแผลในใจ รู้สึกเหมือนถูกพรากชีวิตที่เธอทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และชื่อเสียงส่วนตัวไปในพริบตา
เธอยอมรับว่าเจ็บจนไม่กล้าไว้ใจใครอีก รู้สึกหวาดระแวงกับคนรอบตัว และสุดท้ายสิ่งเดียวที่ยังเป็นที่พึ่งของเธอคือ ครอบครัวและลูก ๆ ที่คอยเป็นกำลังใจให้เธอเดินหน้าต่อไป
เสียงสะท้อนจากสังคมออนไลน์
ทันทีที่โพสต์ของเม พรีมายาถูกเผยแพร่ออกไป กระแสในโลกโซเชียลก็ลุกเป็นไฟ มีทั้งแฟนคลับ ลูกค้าเก่า และผู้ที่เคยติดตามเธอ ต่างพากันส่งข้อความกำลังใจให้ล้นหลาม
“สู้ ๆ นะคะพี่ ยังมีน้อง ๆ แฝดเป็นแรงใจ”
“มันผ่านมาแล้ว และเราก็จะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้ง”
“เรื่องแบบนี้อาจเป็นบทเรียน แต่เชื่อว่าพี่จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม”
หลายคนยังมองว่า เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนหรือคนสนิท เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวอาจพังทลายเมื่อผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง
บทเรียนสำคัญจากกรณี “เม พรีมายา”
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงดราม่าในโลกออนไลน์ แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและคนที่คิดจะเริ่มต้นธุรกิจ ดังนี้:
1. การฝากหุ้นมีความเสี่ยงสูง
แม้จะเป็นเพื่อนสนิทหรือญาติ การฝากหุ้นในชื่อคนอื่นโดยไม่มีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต
2. สัญญาและเอกสารคือสิ่งสำคัญ
ธุรกิจที่สร้างด้วยความไว้ใจเพียงอย่างเดียว มีโอกาสพังได้ง่าย ๆ หากไม่มีเอกสารกำกับที่รัดกุม
3. อย่าพึ่งพาใครจนเกินไป
การทำธุรกิจควรมีระบบที่เจ้าของสามารถควบคุมและติดตามได้ ไม่ควรมอบอำนาจหรือสิทธิ์ทั้งหมดให้ผู้อื่น
4. สังคมออนไลน์อาจเป็นดาบสองคม
แม้การมีชื่อเสียงและผู้ติดตามหลักล้านจะช่วยโปรโมตธุรกิจได้ดี แต่ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้อื่นเห็นโอกาสในการเข้าครอบงำ
แม้จะสูญเสียธุรกิจที่สร้างมากับมือ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า เม พรีมายายังมีศักยภาพมากพอที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยชื่อเสียง ประสบการณ์ และฐานแฟนคลับที่ยังคงให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น
เรื่องราวนี้อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอลุกขึ้นสร้างแบรนด์ใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และในเวลาเดียวกันก็เป็นบทเรียนเตือนใจให้ผู้ประกอบการไทยหลายคนตระหนักถึง ความสำคัญของการวางระบบธุรกิจที่โปร่งใสและปลอดภัย
สรุป
กรณีของ เม พรีมายา ไม่ได้สะท้อนเพียงความดราม่าของการถูกหักหลังในโลกธุรกิจ แต่ยังชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อใจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในการบริหารกิจการ เอกสาร สัญญา และการวางแผนที่รัดกุมคือเกราะป้องกันที่จำเป็น
วันนี้แม้เธอจะเจ็บปวดจากการสูญเสียธุรกิจมูลค่าหลักร้อยล้าน แต่เสียงกำลังใจจากครอบครัวและแฟนคลับก็ยังคงหนุนหลังเธออยู่เสมอ และอาจเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันให้เธอกลับมายืนหยัดใหม่ได้อีกครั้ง
















