กระดูกมนุษย์โบราณอายุ 12,000 ปี อาจเป็นหนึ่งในเหยื่อการฆาตกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คริสโตเฟอร์ สติมป์สัน (Christopher Stimpson) นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดให้ข้อมูลว่า พบกระดูกเพศชายอายุประมาณ 35 ปีที่ถ้ำ Thung Binh1 ในแหล่งมรดกโลก Tràng An ประเทศเวียดนาม เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2017 ถึงเดือนเมษายน 2018 โดยคาดการณ์ว่าเขาน่าจะเสียชีวิตเมื่อ 12,000 ปีก่อนโดยฝีมือของมนุษย์ด้วยกันเอง และถ้าหากเป็นเช่นนั้น กระดูกที่ค้นพบในครั้งนี้จะถือว่าเป็นการตายด้วยความรุนแรงระหว่างบุคคลที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยทราบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นักโบราณคดีขุดพบเจอกระดูกที่แตกละเอียดในหลุมศพ พวกเขานำเศษกระดูกเหล่านั้นกลับมาประกอบกันจนได้เป็นรูปกะโหลกศีรษะเพศชาย โดยเขาตั้งชื่อว่า TBH1 และสันนิษฐานว่าชายผู้นี้อาจจะเสียชีวิตในขณะที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ซึ่งนั่นทำให้เกิดข้อสงสัยถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขา เนื่องจากมนุษย์ที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่น่าจะเสียชีวิตได้ง่าย ๆ ประการแรกคือ นักวิจัยได้ตรวจพบ “ซี่โครงส่วนคอ” (Cervical Rib) ซึ่งเป็นสภาวะผิดปกติโดยเป็นกระดูกซี่โครงที่งอกออกมาจากกระดูกสันหลังส่วนคอชิ้นที่ 7 (C7 vertebra) ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก และประการที่สอง พบ “จุดควอทซ์” (Quartz Point) อยู่ในตะกอนบริเวณหลุมศพที่ชายผู้นี้ถูกฝังอยู่ เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดนักวิจับพบว่าจุควอทซ์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธซึ่งหินที่ใช้ไม่ใช่หินในท้องถิ่นนั้นด้วยซ้ำ
เมื่อพิจารณาหลักฐานที่ขุดพบนักวิจัยจึงได้รวบรวมลำดับเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ และได้พบว่าซี่โครงส่วนคอของ TBH1 มีร่องรอยการแตกหักและมีการติดเชื้อ ซึ่งทีมนักวิจัยเชื่อว่าเขาถูกวัตถุปลายแหลมทิ่มที่คอและฝังอยู่จนทำให้เกิดติดเชื้อ พอเวลาผ่านไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ชายผู้นั้นก็เสียชีวิต
นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเคสที่พบเจอมาก่อนหน้านี้เช่น ผู้คนที่ถูกฝังอยู่ในสุสานเจเบล ซาฮาบาทางตอนเหนือของซูดาน ที่มีอายุกว่า 13,000 ปี ซึ่งพบร่อยรอยการถูกทำร้ายจนเสียหาย หรือ เอิทซี มนุษย์น้ำแข็งที่ถูกสังหารในเทือกเขาแอลป์ของอิตาลีเมื่อ 5,300 ปีก่อน เป็นต้น












