หยุดอ้างชื่อฉัน! คิมเบอร์ลี ตอกอดีตผู้จัดการบนโซเชียล
“คิมเบอร์ลี่” โพสต์แรง! เตือนอย่าอ้างชื่อเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลัง ‘ศสา’ อดีตผู้จัดการ ออกโหนกระแสแจงปมตราม่าหุ้นส่วนธุรกิจเครื่องสำอาง
วงการบันเทิงไทยกำลังเกิด กระแสตราม่า รอบใหม่เกี่ยวกับปมธุรกิจเครื่องสำอาง หลัง ศสา อดีตผู้จัดการส่วนตัวของ ออม สุชาร์ และหนึ่งในหุ้นส่วนของธุรกิจเครื่องสำอาง ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ โหนกระแส ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัดส่วนหุ้นและประเด็นความขัดแย้งภายในบริษัท
ล่าสุดนักแสดงสาวชื่อดัง คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน อินสตาแกรมสตอรี่ โดยเน้นย้ำให้หยุดการอ้างชื่อของเธอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เรื่องราวนี้ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
เบื้องหลังตราม่าธุรกิจเครื่องสำอาง
ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มจาก พริม ณัฐชา หุ้นส่วนธุรกิจเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมก่อตั้งกับ ออม สุชาร์ และ ศสา อดีตผู้จัดการดารา รวมถึงเป็นหุ้นส่วนรายเล็กที่สุดในบริษัท
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 กันยายน 2568 ศสาได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือหุ้น และปัญหาที่เกิดขึ้นกับพริมและออม ผ่านรายการ โหนกระแส โดยมี หนุ่ม กรรชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในรายการ ศสาได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานของตัวเองในฐานะ ผู้จัดการดารา และชื่อของนักแสดงที่เธอเคยดูแล เช่น
แต้ว ณฐพร
โฬม พัชฏะ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โอม อัชชา)
ออม สุชาร์
และ คิมเบอร์ลี่
ข้อมูลนี้ทำให้เกิดความสนใจอย่างมาก เนื่องจากศสาได้ระบุถึงชื่อดาราที่เคยดูแล ทำให้หลายคนสงสัยว่าข้อมูลเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับปัญหาหุ้นส่วนธุรกิจหรือไม่
คิมเบอร์ลี่ ออกมาโพสต์เตือนแรง
หลังจากจบรายการ โหนกระแส ทีมข่าวได้สังเกตว่า คิมเบอร์ลี่ ได้โพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ อินสตาแกรม โดยมีใจความสำคัญว่า
“ได้โปรดอย่าอ้างชื่อคิมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตัวเอง หรือเพื่ออะไรก็ตามแต่ค่ะ..จบกันไปเกิน 10 ปี จบแบบนี้ดีมากแล้วนะคะ ตอนนั้นเด็กมาก แต่ตอนนี้โตแล้ว อย่าให้ได้ยินชื่อคิมออกมาอีกค่ะ ต่างคนต่างอยู่ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ข้อความนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อการนำชื่อของเธอไปอ้างอิงในเชิงธุรกิจหรือเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้อื่น แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับศสาจะจบลงไปกว่า 10 ปีแล้ว
โพสต์ของคิมเบอร์ลี่สร้าง ความสนใจและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในโลกออนไลน์ทันที โดยแฟนคลับและชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและวิจารณ์การกระทำของศสา
มุมมองสังคมออนไลน์
หลังจากที่คิมเบอร์ลี่โพสต์สตอรี่ ทางเพจ ท่านเปา ได้ออกมาอธิบายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า
“นี่จ้า...ที่พี่หนุ่มเค้าเอ่ยขึ้นมาก่อนว่าเคยเป็นผู้จัดการดาราใครบ้าง เค้าก็ตอบตามที่พิธีกรถาม ซึ่งไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วเค้าเอาชื่อบุคคลขึ้นมาอ้างลอยๆ ต้องมีสติเนอะ! ซึ่งสมการนี้ไม่เกี่ยวเลยนะ ไม่งั้นโฬมต้องออกมาโวยวายด้วยหรือเปล่า”
ข้อความนี้สะท้อนให้เห็นว่า การอ้างชื่อบุคคลในวงการบันเทิงโดยไม่ชัดเจนหรือโดยเจตนาอาจสร้าง ความเข้าใจผิด และกระทบต่อภาพลักษณ์ของคนที่ถูกอ้างถึง
ประเด็นหุ้นส่วนและความขัดแย้ง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ สัดส่วนหุ้นและการบริหารธุรกิจ ของบริษัทเครื่องสำอางที่มีพริม, ออม และศสาเป็นหุ้นส่วน
ศสาเคยถือหุ้นเล็กที่สุดในบริษัท แต่มีบทบาทสำคัญในการจัดการและประสานงาน
ความขัดแย้งเกิดขึ้นเนื่องจากการบริหารจัดการธุรกิจและการสื่อสารระหว่างหุ้นส่วน
การออกมาให้สัมภาษณ์ของศสาในรายการโหนกระแสเป็นการชี้แจงมุมมองของตัวเอง แต่การกล่าวถึงชื่อของนักแสดงคนอื่น ทำให้เกิดความไม่พอใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึง ความละเอียดอ่อนในการนำชื่อบุคคลสาธารณะมาอ้างอิง โดยเฉพาะในประเด็นธุรกิจที่มีความขัดแย้ง
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์
การโพสต์เตือนของคิมเบอร์ลี่ถือเป็น การรักษาภาพลักษณ์และความเป็นส่วนตัว ของตัวเองในวงการบันเทิง
1. การแยกเรื่องส่วนตัวกับธุรกิจ: แม้ศสาจะเคยเป็นผู้จัดการของคิมเบอร์ลี่ แต่ความสัมพันธ์ได้จบลงไปกว่า 10 ปี การนำชื่อไปอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
2. ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ: การอ้างชื่อโดยไม่ชัดเจนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของนักแสดง
3. การใช้สื่อโซเชียลอย่างมีสติ: คิมเบอร์ลี่เลือกใช้ อินสตาแกรมสตอรี่ เพื่อสื่อสารข้อความของตัวเองโดยตรง ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถควบคุมข้อความและเข้าถึงแฟนคลับโดยตรง
บทเรียนสำคัญจากกรณีนี้
เรื่องราวนี้ให้บทเรียนสำคัญแก่บุคคลในวงการบันเทิงและผู้ที่ทำธุรกิจร่วมกับคนดัง
ระวังการอ้างชื่อบุคคลสาธารณะ: การใช้ชื่อของบุคคลสาธารณะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจสร้างปัญหาทางกฎหมายและกระทบต่อภาพลักษณ์
ความชัดเจนในการบริหารหุ้นส่วน: การบริหารธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วนหลายฝ่ายควรมีเอกสารและข้อตกลงชัดเจน
การสื่อสารอย่างมีสติ: การออกมาให้สัมภาษณ์หรือโพสต์ข้อมูลในสื่อสาธารณะ ควรระมัดระวังผลกระทบต่อบุคคลอื่น
ความเห็นจากแฟนคลับและสังคมออนไลน์
หลังจากคิมเบอร์ลี่โพสต์สตอรี่ มีแฟนคลับและชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
หลายคนสนับสนุนคิมเบอร์ลี่และยกให้เธอเป็นตัวอย่างของ การรักษาภาพลักษณ์ในวงการบันเทิง
บางคนวิจารณ์การกระทำของศสาและเน้นย้ำความสำคัญของ ความโปร่งใสและความจริงใจ ในการเปิดเผยข้อมูล
มีการวิจารณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนและนักแสดงที่เคยทำงานร่วมกัน ว่าควรแยกเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน
สรุป: กรณีตราม่าครั้งใหม่ในวงการบันเทิง
กรณีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของ ความซับซ้อนในการบริหารธุรกิจร่วมกับบุคคลสาธารณะ และความสำคัญของ การสื่อสารอย่างระมัดระวัง
การออกมาโพสต์เตือนของ คิมเบอร์ลี่ เป็นการปกป้องภาพลักษณ์และความเป็นส่วนตัว
การให้สัมภาษณ์ของ ศสา เป็นการชี้แจงมุมมองของตัวเอง แต่การอ้างชื่อบุคคลสาธารณะทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าในวงการบันเทิงและธุรกิจ การ แบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
เรื่องราวนี้ยังคงเป็นที่จับตามองในสังคมออนไลน์ และถือเป็นกรณีศึกษาในการจัดการชื่อเสียงและการสื่อสารในยุคโซเชียลมีเดีย





















