เปิดใจคู่กรณี ออม สุชาร์ หลังมีปัญหากับดาราอีกคนหนุ่ม กรรชัยถามใช่ นํ้าชา จริงไหม?
ดราม่าธุรกิจ Fleen Beauty พริม ณัฐชา เล่าจุดเริ่มต้นทำงานกับ ออม สุชาร์ พร้อมชี้แจงกรณีฮุบกิจการ
โลกธุรกิจในวงการบันเทิงไทยมักมีเรื่องราวให้ติดตามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานโปรโมต ผลงานภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่ง ธุรกิจเสริมของดารา ล่าสุด ดราม่าที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง คือกรณี ธุรกิจความงาม Fleen Beauty ของนักแสดงสาวชื่อดัง ออม สุชาร์ กับผู้ประกอบการสาว พริม ณัฐชา ที่มีการตั้งข้อสงสัยเรื่อง ฮุบกิจการ
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่าน รายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 โดยมีการเชิญทั้ง พริม ณัฐชา และ ศศา อดีตผู้จัดการของออม สุชาร์ มาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจร่วมกัน จนกลายเป็นกรณีดราม่าในสื่อออนไลน์
จุดเริ่มต้นธุรกิจร่วมกัน
พริม ณัฐชา และ ศศา รู้จักกันมานานกว่า 10 ปี หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งสองได้นัดพบปะพูดคุยกัน เพื่อหารือถึงแนวทางการทำธุรกิจ
ศศาเล่าว่าเธอได้สอบถามพริมว่า ยังทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางอยู่หรือไม่ และเสนอให้มาร่วมทำธุรกิจขายเครื่องสำอางออนไลน์ โดยใช้ นักแสดงในสังกัดของศศา ซึ่งในเวลานั้นคือ ออม สุชาร์ มาร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ทั้งหมด 3 คน
ในช่วงนั้น พริมมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองชื่อ RAD แต่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจต่อแล้ว เมื่อได้รับข้อเสนอให้ร่วมงานกับนักแสดงสาว พริมจึงลังเลใจ เพราะ ไม่อยากทำธุรกิจกับดาราอีกแล้ว เธอต้องการชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
ศศาใช้ตัวเองเป็นเครื่องยืนยัน
ศศาเล่าว่า หลังจากรับทราบความกังวลของพริม เธอได้ให้ความเชื่อมั่นและขอให้พริมเชื่อใจ พร้อม รับประกันตัวเองว่าออม สุชาร์ เป็นคนน่ารักและจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
ระหว่างการสัมภาษณ์ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการได้ตั้งคำถามว่า เหตุใดพริมจึงไม่อยากทำธุรกิจกับดาราอีก พริมอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ หากมีทิศทางชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องจ้างดารามาร่วมงานก็ได้
เมื่อพิธีกรถามต่อว่า พริมเคยมีปัญหากับดารามาก่อนใช่หรือไม่ พริมยอมรับว่ามีกรณีหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจแยกทางกัน ซึ่งครั้งนั้นเธอได้ ซื้อหุ้นคืนมาเอง
เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักแสดงชื่อ น้ำชา แต่พริมเน้นย้ำว่า เรื่องในอดีตได้จบลงด้วยการ ไกล่เกลี่ยและแยกย้ายกันไปเติบโต ไม่มีปัญหาต่อกันอีก
การตัดสินใจร่วมงานกับออม สุชาร์
แม้พริมจะเคยมีประสบการณ์ไม่ดีในการทำธุรกิจกับดารา แต่การพูดคุยกับศศาและการได้รับคำรับประกันทำให้เธอรู้สึกเชื่อใจและตัดสินใจสร้าง แบรนด์ใหม่ชื่อ Fleen Beauty แทนการนำแบรนด์เดิม RAD กลับมาทำใหม่
พริมกล่าวว่า การสร้างแบรนด์ใหม่เหมาะสมกว่า เพราะสามารถ ออกแบบแนวทางธุรกิจและภาพลักษณ์แบรนด์ ได้ตั้งแต่ต้น และยังสะท้อนความตั้งใจของทุกฝ่ายที่ร่วมลงทุน
การชี้แจงเรื่องฮุบกิจการ
ก่อนหน้านี้ วันที่ 17 กันยายน 2568 ผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบันของออม สุชาร์ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงยืนยันว่า เรื่องการฮุบกิจการไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า
"เรื่องการโกงหรือฮุบกิจการบริษัทอะไรก็แล้วแต่มันไกลตัวมากจริง ๆ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำไปเพื่ออะไร เงินเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่เริ่มทำแบรนด์มา ออมปฏิเสธการรับงาน Beauty เยอะมาก เพื่อเกรงใจ"
ผู้จัดการยังกล่าวต่อว่า ทุกคนมี หน้าที่และส่วนร่วมในบริษัทเท่ากัน ออมทำหน้าที่เป็นนักแสดงและโปรโมทคอนเทนต์เป็นจำนวนมาก ทั้งไลฟ์สดและโพสต์โซเชียลมีเดีย ทุกแคมเปญเกือบทุกวันไม่มีขาด
"ไม่มีใครโกงเพราะทุกคนลงเงินเท่ากัน และริเริ่มมาพร้อมกัน"
ข้อความนี้ช่วยตัดข้อสงสัยเรื่องการฮุบกิจการหรือเอาเปรียบผู้ร่วมลงทุนอย่างชัดเจน
ออม สุชาร์ เข้าชี้แจงด้วยตัวเอง
หลังจากผู้จัดการโพสต์ชี้แจง ออม สุชาร์ ก็เข้ามารีโพสต์สตอรี่ในโซเชียลมีเดีย เพื่อยืนยันว่าเธอ ไม่ได้มีส่วนในการฮุบกิจการหรือโกงใคร ทุกอย่างดำเนินไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
การออกมาชี้แจงของออม สุชาร์ เป็นการยืนยันว่า ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันด้วยความตั้งใจ และไม่ได้มีความขัดแย้งทางการเงินหรือหุ้นส่วนอย่างที่ถูกกล่าวหา
มุมมองของธุรกิจดาราและการร่วมทุน
กรณีของ Fleen Beauty เป็นตัวอย่างหนึ่งของ ความท้าทายในการทำธุรกิจกับดารา เพราะผู้ลงทุนต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น
1. ความเชื่อใจและความสัมพันธ์ส่วนตัว – การทำธุรกิจต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างผู้ร่วมลงทุน
2. การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจน – เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งหรือความเข้าใจผิด
3. การโปรโมทแบรนด์และคอนเทนต์ – การมีดาราเข้าร่วมอาจช่วยโปรโมท แต่ก็ต้องมีข้อตกลงที่ชัดเจน
4. ความโปร่งใสเรื่องหุ้นและการลงทุน – ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบตามสัดส่วนที่ตกลงกัน
กรณีนี้ยังสะท้อนว่า การทำธุรกิจกับดาราไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจเกิดข้อสงสัยหรือดราม่าในสังคมออนไลน์ได้ แม้ผู้ร่วมทุนจะตั้งใจทำงานด้วยความโปร่งใส
ข้อคิดจากกรณี Fleen Beauty
1. ความเชื่อใจเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ – พริมตัดสินใจร่วมงานกับออม สุชาร์ เพราะได้รับการรับประกันจากศศา
2. อดีตไม่ควรเป็นอุปสรรคเสมอไป – แม้พริมเคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับดาราอื่น แต่เธอยังสามารถเปิดใจเพื่อทำธุรกิจใหม
3. ความโปร่งใสและสื่อสารชัดเจน – การออกมาชี้แจงของผู้จัดการและออม สุชาร์ ช่วยตัดประเด็นข้อสงสัยเรื่องฮุบกิจการ
4. ความร่วมมือและหน้าที่ชัดเจนสำคัญต่อความสำเร็จ – ทุกฝ่ายมีบทบาทและส่วนร่วมเท่าเทียม ทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคง
บทสรุป
กรณีธุรกิจ Fleen Beauty ของพริม ณัฐชาและออม สุชาร์ เป็นตัวอย่างของ ความท้าทายในการทำธุรกิจร่วมกับดารา และสะท้อนถึงความสำคัญของ ความเชื่อใจ ความโปร่งใส และการสื่อสารที่ชัดเจน
ดราม่าที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็นข้อสงสัยเรื่อง ฮุบกิจการ หรือความกังวลของผู้ลงทุน แต่สุดท้ายข้อเท็จจริงได้ถูกชี้แจงอย่างโปร่งใส ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นธรรม และเน้นย้ำถึง ความร่วมมือและความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ
นี่จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ในวงการบันเทิงไทย ว่าแม้จะมีชื่อเสียงหรือความโด่งดัง การทำธุรกิจต้องมี ความชัดเจนในข้อตกลงและการสื่อสาร เพื่อป้องกันข้อขัดแย้งและดราม่าที่ไม่จำเป็น















