ศาลอนุมัติประกัน “ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก” วางหลักทรัพย์คนละ 6 แสน
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ให้ประกันตัว “ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก” คนละ 6 แสนบาท คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว พร้อมยืนยันสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์
วันที่ 17 กันยายน 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจับตามองในแวดวงการเมืองและสังคม เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก นายศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิและกฎหมาย ผู้ที่เคยสร้างชื่อเสียงจากการยื่นร้องเรียนคดีต่าง ๆ จำนวนมาก เป็นเวลา 4 ปี และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือที่คนรู้จักในชื่อ “เจ๋ง ดอกจิก” แกนนำคนเสื้อแดงชื่อดัง 6 ปี ในคดีเรียกรับทรัพย์สินจาก อธิบดีกรมการข้าว
อย่างไรก็ตาม หลังการพิจารณา ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดหลักทรัพย์รายละ 600,000 บาท พร้อมวางเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งการอนุญาตประกันตัวครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว: จุดเริ่มต้นและที่มา
คดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการร้องเรียนว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์หรือ “รีดทรัพย์” จาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว โดยมีการอ้างหลักฐานทั้ง คลิปเสียง แชทไลน์ และวิดีโอ ที่ถูกนำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้ดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า หลักฐานดังกล่าวมีน้ำหนักเพียงพอ จึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง โดยให้เหตุผลว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของกระบวนการบริหารราชการ
การอนุญาตให้ประกันตัว: เหตุผลและเงื่อนไข
แม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้จำคุก แต่ในขณะเดียวกัน ศาลก็เปิดโอกาสให้จำเลยได้ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการยื่นขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วงเงินประกันตัว: คนละ 600,000 บาท
หลักทรัพย์: นายศรีสุวรรณ ใช้โฉนดที่ดินในกรุงเทพฯ มูลค่าเท่ากับจำนวนเงินดังกล่าวเป็นหลักประกัน
เงื่อนไข: ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
การอนุญาตให้ประกันตัวนี้ สะท้อนถึงหลักการในกระบวนการยุติธรรม ที่ให้สิทธิจำเลยในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในทุกขั้นตอน
เสียงจากจำเลย: “ยังเชื่อมั่นในความจริงที่มี”
หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายศรีสุวรรณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยระบุว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจ และพร้อมที่จะต่อสู้คดีต่อไป โดยเชื่อมั่นว่า ข้อเท็จจริงที่แท้จริงยังไม่ได้ถูกนำเสนอในศาลอย่างครบถ้วน
เขาย้ำว่า พยานหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณะในปัจจุบันเป็นหลักฐานจากฝ่ายตำรวจเท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลอีกส่วนที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย ซึ่งอาจจะเป็นข้อสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางคดีได้ในชั้นอุทธรณ์
ด้าน นายยศวริศ ชู กล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) กล่าวว่าตนเคารพคำพิพากษาของศาล แต่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ศาลมองว่าเขาเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” ทำให้ได้รับโทษหนักกว่าศรีสุวรรณ โดยเขาโต้แย้งว่า การแต่งตั้งที่ได้รับจาก นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเพียงการแต่งตั้งเฉพาะบุคคล ไม่ใช่การแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่มีเงินเดือนหรือสถานะเจ้าหน้าที่รัฐ
เจ๋ง ดอกจิก ยังยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากการกระทำของจำเลยคนอื่น ๆ และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงในชั้นอุทธรณ์เช่นกัน
ความเห็นจากอธิบดีกรมการข้าว: “เป็นเรื่องของเวรกรรม”
ในฝั่งของ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ผู้เสียหายในคดีนี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยยืนยันว่า ได้ส่งหลักฐานทั้งหมด ทั้งคลิปเสียง ข้อความ และวิดีโอ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่แรกแล้ว
เขาระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกยินดีหรือสะใจต่อคำพิพากษา แต่กลับมองว่า นี่คือผลของกรรมที่จำเลยทั้งสองได้ทำไว้ โดยใช้ถ้อยคำว่า “เป็นกรรมของเขา เพราะว่าเขาทำกรรมมาเยอะแล้ว คนเราทำอะไรก็หนีกรรมไม่พ้น”
นอกจากนี้ อธิบดียังบอกว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งตนถูกใส่ร้ายและโจมตีมาโดยตลอด เนื่องจากอาจไปขัดผลประโยชน์บางกลุ่ม แต่เลือกที่จะไม่โต้ตอบและขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เพื่อไม่ให้สังคมมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเขาเป็นคนโกง
วิเคราะห์: คดีนี้สะท้อนอะไรต่อสังคมไทย?
1. ภาพลักษณ์ของนักเคลื่อนไหวการเมือง
ชื่อของ ศรีสุวรรณ จรรยา เคยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ยื่นร้องเรียนหลายกรณีทางการเมืองและสังคม แต่เมื่อเขาตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาคอร์รัปชัน กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนในสังคม เพราะคนที่เคยยืนหยัดในบทบาท “ผู้ตรวจสอบ” กลายมาเป็นผู้ถูกตรวจสอบเสียเอง
2. ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
คดีนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่ากระบวนการตัดสินจะยุติธรรมเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงการการเมือง
3. บทบาทของสื่อและโซเชียลมีเดีย
หลักฐานหลายอย่างที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น คลิปเสียงหรือแชทไลน์ เป็นสิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์ และทำให้ประชาชนจำนวนมากมีความเห็นแตกต่างกันไป
4. การต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา แต่การต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ยังคงเป็นสิทธิของจำเลย การตัดสินในอนาคตอาจพลิกผันไปจากที่คาดการณ์ได้
บทสรุป
คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ระหว่าง ศรีสุวรรณ จรรยา และ เจ๋ง ดอกจิก ถือเป็นอีกหนึ่งคดีที่สะท้อนภาพความซับซ้อนของสังคมไทย ทั้งในแง่ของการเมือง กฎหมาย และศีลธรรม โดยปัจจุบัน แม้ทั้งสองจะถูกพิพากษาจำคุก แต่ก็ยังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
คำถามสำคัญคือ กระบวนการยุติธรรมในขั้นต่อไปจะมีข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ที่ถูกเปิดเผยหรือไม่ และสุดท้ายแล้ว สังคมจะได้คำตอบที่แท้จริงว่าใครคือผู้กระทำผิด หรือใครคือผู้บริสุทธิ์





















