งูเหลือมยักษ์เขมือบลูกวัวที่จีน เหตุผลที่เจ้าหน้าที่เลือกปล่อย ไม่ใช่กำจัด
เหตุการณ์สุดช็อกที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ถ่ายคลิปงูเหลือมตัวมหึมากำลังกลืนลูกวัวทั้งเป็น โดยภาพที่ปรากฏแสดงให้เห็นงูเหลือมลายสวยงามรัดและกำลังกลืนส่วนหัวของลูกวัวเข้าไปแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเข้าช่วยเหลือ แต่ก็สายเกินไป ลูกวัวไม่รอดชีวิต
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบยืนยันว่า งูตัวดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงได้นำมันไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ห่างไกลออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร และระบุว่าขณะที่พบ งูยังกลืนลูกวัวเข้าไปไม่หมด แต่ลูกวัวก็เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเจ้างูเหลือมตัวนี้มีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม
ข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจนขึ้นเป็นหัวข้อฮิตบน Weibo หรือทวิตเตอร์ของจีน และสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างหนักหน่วง หลายคนตั้งคำถามถึงการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ที่เลือก "ปล่อย" แทนที่จะ "กำจัด" งูตัวนี้ โดยให้เหตุผลว่า:
-
ภัยคุกคามต่อมนุษย์: ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความกังวลว่า งูเหลือมขนาดใหญ่ที่สามารถเขมือบลูกวัวได้ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเจอกับเด็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่
-
การปล่อยในพื้นที่ใกล้เคียง: หลายคนสงสัยว่าการปล่อยงูในระยะทางเพียง 10 กิโลเมตรนั้นเพียงพอหรือไม่ เพราะงูอาจจะเลื้อยกลับมายังพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ได้อีก
-
ความสมดุลของระบบนิเวศ: แม้จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเมื่อสัตว์ป่าเข้ามาก่อความเสียหายและเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ การจัดการที่เด็ดขาดอาจมีความจำเป็นมากกว่าการคำนึงถึงสถานะการอนุรักษ์เพียงอย่างเดียว
-
ปัญหาซ้ำซาก: บางความเห็นระบุว่าในมณฑลกวางตุ้งมีปัญหาเรื่องงูชุกชุมอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ต้องคอยจับงูเป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ โดยมองว่าการอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นสิ่งสำคัญ และการปล่อยงูคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ที่เหมาะสมคือแนวทางที่ถูกต้องตามหลักสากล
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างการอนุรักษ์สัตว์ป่ากับความปลอดภัยในชีวิตของมนุษย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายประเทศ และเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหาจุดสมดุลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า




















