บ้านหลังเดียวสะเทือนโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน 1.7 แสนล้านบาท
เมื่อครู่นี้ดิฉันได้อ่านข่าวจากต่างประเทศ (ขอบคุณที่มา: odditycentral) เห็นว่าในประเทศจีนมีกรณีที่น่าสนใจมากค่ะ เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่ามหาศาลกว่า 38,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท
โครงการนี้มีระยะทางกว่า 160 กิโลเมตร เชื่อมต่อมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และนครเซี่ยงไฮ้ เดิมทีจะแล้วเสร็จและเปิดใช้ได้ตั้งแต่ปี 2567 แต่กลับสะดุดเลื่อนออกไปถึง 2 ปีเต็ม สาเหตุก็มาจากบ้านหลังหนึ่งที่เจ้าของไม่ยอมย้ายออกไปตามโครงการเวนคืน
เจ้าของบ้านเป็นสตรีสูงวัยชาวเจียงซู ชื่อที่สื่อเรียกกันว่า “ป้าจาง” ซึ่งเธอเรียกร้องค่าชดเชยสูงมาก ตั้งแต่หลักแสนหยวนต่อตารางเมตร และต่อมาขึ้นไปถึงหลักสองแสนหยวนต่อตารางเมตร ซึ่งถ้าคิดรวมพื้นที่ทั้งหมด ก็เท่ากับเงินชดเชยราว 446 ล้านบาท เลยทีเดียวค่ะ
ทางการเองก็ไม่ได้ทอดทิ้งหรือกดดันเกินไปนะคะ เพราะมีการเสนอเงินชดเชยกว่า 23 ล้านบาท พร้อมบ้านใหม่อีก 3 หลัง แต่ป้าจางก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอ เพราะเชื่อว่าบ้านของตนเองเป็นจุดสำคัญที่ทำให้โครงการใหญ่หยุดชะงักได้
ระหว่างนั้น รัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องก่อสร้างทางรถไฟเลี่ยงบ้านไปก่อน ทำให้บ้านหลังนี้ถูกตัดขาดจากชุมชน จนกลายเป็นภาพ “บ้านตะปู” ที่สื่อมวลชนจีนให้ความสนใจอย่างมาก ข่าวนี้ดังไปทั่วประเทศ จนเจ้าของบ้านเองเริ่มรู้สึกกดดันทางจิตใจและความเป็นอยู่
ท้ายที่สุด ล่าสุดมีรายงานว่า ป้าจางและครอบครัวตัดสินใจยอมรับข้อเสนอของทางการแล้ว บ้านหลังนี้จึงจะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไปค่ะ
เรื่องนี้ทำให้ดิฉันอ่านแล้วได้ข้อคิดว่า การเจรจาและการเวนคืนที่ดินเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริง ๆ แม้จะเป็นโครงการใหญ่ระดับประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสิทธิและความพอใจของประชาชนรายเดียวได้เช่นกัน
















