สาวเขมรเปิดโปง! ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา จีน-เวียดนามครองหัวหน้า
เบื้องลึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา: เปิดโปงศูนย์สแกมเมอร์ข้ามชาติ มีหัวหน้า-นายทุนจีนและเวียดนาม พร้อมทีมนางแบบสร้างโปรไฟล์ปลอม
วันที่ 16 กันยายน 2568 สำนักข่าว Khmer Times ของกัมพูชา รายงานเรื่องราวสุดช็อกเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา หลังจากที่หญิงชาวกัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งเคยทำงานเป็นพนักงานภายในแก๊งนี้ ออกมาเปิดเผยเบื้องลึกขององค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ
หญิงคนดังกล่าวยืนยันว่า ศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชามีอยู่จริง และมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยหัวหน้าขบวนการส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและเวียดนาม เธอให้ข้อมูลว่า ศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ไม่ต่างจาก “เรือนจำ” ขนาดเล็ก พนักงานทุกคนถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โทรศัพท์ส่วนตัวถูกยึด และหน้าจอคอมพิวเตอร์ถูกสอดส่องตลอดเวลา หากพนักงานไม่ปฏิบัติตาม หรือทำยอดเงินไม่ได้ตามเป้า จะถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล
โครงสร้างการทำงาน: ทีมนางแบบ-นายแบบสร้างโปรไฟล์ปลอม
หนึ่งในความลับของศูนย์สแกมเมอร์คือ การใช้ทีมนางแบบและนายแบบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเหยื่อ ทีมเหล่านี้มักเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายภาพตามห้างหรู คาเฟ่ หรือสถานที่สำคัญต่าง ๆ จากนั้นรูปภาพเหล่านี้จะถูกนำมาสร้างเป็น โปรไฟล์ปลอม ที่น่าเชื่อถือก่อนส่งต่อให้พนักงานระดับล่าง
พนักงานระดับล่างจะใช้ สคริปต์การพูดคุย ที่ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้หลงรักหรือชวนลงทุน เมื่อเหยื่อติดกับดักแล้ว จะถูกส่งต่อให้หัวหน้าระดับสูงเข้ามาปิดจ๊อบและเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์สินทันที
หญิงชาวกัมพูชาผู้เปิดโปงยังนำ สคริปต์การหลอกเหยื่อ มาเผยแพร่ให้สื่อมวลชนดูด้วย ข้อความในคู่มือเขียนโดยหัวหน้าชาวจีน ระบุรายละเอียดตั้งแต่คำพูด เทคนิคสร้างความไว้วางใจ วิธีใช้จิตวิทยาในการโน้มน้าว และวิธีล่อลวงเหยื่ออย่างเป็นระบบ
การปราบปรามของรัฐบาลกัมพูชา
การเปิดโปงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติ เนื่องจากกัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางของ อาชญากรรมไซเบอร์และสแกมเมอร์ข้ามชาติ โดยเฉพาะในเมือง สีหนุวิลล์ และ ปอยเปต
รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้ออกมาตรการกวาดล้างครั้งใหญ่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการบุกค้นเกือบ 140 แห่ง และจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 3,200 คน จาก 19 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและเวียดนามตามคำให้การของอดีตพนักงานหญิงรายนี้
แม้จะมีการจับกุมและปราบปรามอย่างเข้มข้น แต่แก๊งสแกมเมอร์ยังคงทำงานอย่างซับซ้อนและสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี จากการค้ามนุษย์และหลอกลวงทางออนไลน์
การใช้เทคนิคขั้นสูงในการหลอกลวง
หนึ่งในความน่ากลัวของศูนย์สแกมเมอร์คือ ความชำนาญด้านจิตวิทยาและกลยุทธ์การหลอกลวง
1. การสร้างโปรไฟล์ปลอม – ใช้นางแบบ-นายแบบถ่ายภาพตามห้างหรู คาเฟ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
2. การใช้สคริปต์คอลเซ็นเตอร์ – พนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามคู่มือที่วางไว้ล่วงหน้า เพื่อโน้มน้าวเหยื่อและควบคุมบทสนทนา
3. การใช้แรงกดดันทางอารมณ์ – เทคนิคทำให้เหยื่อเกิดความรักหรือความไว้ใจต่อบุคคลปลอม เพื่อให้ลงทุนหรือส่งเงินให้แก๊ง
4. การปิดจ๊อบโดยหัวหน้าระดับสูง – เมื่อเหยื่อติดกับดักแล้ว หัวหน้าระดับสูงจะเข้ามาสรุปและเรียกเก็บทรัพย์สิน
ระบบนี้ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์สามารถสร้างรายได้มหาศาล โดยมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ตั้งแต่ระดับนางแบบ-นายแบบ พนักงานระดับล่าง และหัวหน้าขบวนการ
ปัญหาและความท้าทายของกัมพูชา
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะออกมาตรการปราบปราม แต่ก็ยอมรับว่า ยังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมไซเบอร์ ทำให้การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์มีความซับซ้อนและต้องใช้กฎหมายเฉพาะทาง
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมไซเบอร์หลายคนชี้ว่า แก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อน มีเครือข่ายหลายชั้น และสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ง่าย การจัดการต้องอาศัยทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศและการวางระบบตรวจสอบที่เข้มงวด
นอกจากนี้ แรงกดดันจากนานาชาติยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องเร่งปราบปราม แต่อย่างไรก็ตาม การทำลายแก๊งสแกมเมอร์ไม่ได้ง่าย เพราะมีเครือข่ายขนาดใหญ่และมีทุนหนาจากต่างประเทศ
ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์และศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียง อาชญากรรมไซเบอร์ เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ การค้ามนุษย์และการฟอกเงินข้ามชาติ
เหยื่อหลายคนตกเป็นเป้าหมายทางการเงิน สูญเสียเงินจำนวนมหาศาล
อาชญากรรมไซเบอร์นี้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สังคมกัมพูชาต้องเผชิญกับปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและแรงงานที่ถูกใช้ในการหลอกลวง
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การควบคุมและกำกับดูแลอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชายังไม่เพียงพอ และต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
เสียงจากวงใน: อดีตพนักงานหญิงเปิดใจ
อดีตพนักงานหญิงชาวกัมพูชารายนี้ให้สัมภาษณ์กับ Khmer Times ว่า เธอรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดกับการทำงานในแก๊ง แต่ก็กล้าพูดความจริงเพราะอยากให้โลกเห็นความจริง
“ฉันอยากให้คนทั่วโลกรู้ว่า ศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้มีการทำงานเป็นระบบ มีหัวหน้าจีนและเวียดนาม มีคู่มือและสคริปต์ชัดเจน ทุกคนถูกควบคุมเหมือนอยู่ในเรือนจำ หากใครไม่ทำตามหรือทำยอดไม่ได้ จะถูกข่มขู่และลงโทษ”
คำให้การของเธอยังเน้นว่า การเปิดโปงครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนให้เหยื่อระมัดระวัง และรัฐบาลกัมพูชากำลังพยายามปราบปรามอย่างจริงจัง
สรุป
การเปิดโปงศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาโดยอดีตพนักงานหญิง เป็น บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ แสดงให้เห็นว่า แก๊งเหล่านี้มีโครงสร้างซับซ้อน มีหัวหน้าและนายทุนจากต่างประเทศ ใช้เทคนิคขั้นสูงในการหลอกลวง และสร้างรายได้มหาศาล
แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะออกมาตรการปราบปรามและจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายพันคน แต่ ความท้าทายยังคงอยู่ เนื่องจากแก๊งสแกมเมอร์มีเครือข่ายข้ามชาติและมีทุนหนา
สำหรับสังคม ผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุน เรื่องนี้ถือเป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ให้ตระหนักถึงอาชญากรรมไซเบอร์ การลงทุนออนไลน์ และการป้องกันตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อ
สุดท้าย การเปิดเผยข้อมูลจากวงในเช่นนี้เป็นก้าวสำคัญในการ สร้างความโปร่งใสและเร่งรัดการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่สร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี และเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์อย่างเป็นระบบ


















