อ.เบียร์ ลั่น! “อย่ายึดที่ตัวบุคคล” ก่อนบุกวัดนาป่าพงร้อนๆ หลังโหนกระแส
อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ประกาศกลางโหนกระแส “ถ้าพระอาจารย์คึกฤทธิ์ผิดจริง ต้องยอมรับ แต่ไม่หมดศรัทธาในพระธรรม” – จบรายการปุ๊บโผล่วัดนาป่าพงทันที
วันที่ 16 กันยายน 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่สังคมไทยจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ แห่งวัดนาป่าพง พระนักเทศน์ชื่อดังซึ่งกำลังเผชิญกระแสสังคมร้อนแรงเกี่ยวกับข้อครหาและการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้าง
ในรายการ โหนกระแส ที่ออกอากาศสดในช่วงบ่ายวันดังกล่าว ได้เชิญ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม มาเป็นผู้ชี้แจงแทนฝั่งวัดนาป่าพง ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่หลายคนเฝ้ารอคอยฟังท่าที เพราะเขาเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดและมักทำหน้าที่เผยแพร่ธรรมะที่สอดคล้องกับแนวทางของพระอาจารย์คึกฤทธิ์
ถ้อยคำทิ้งท้ายกลางรายการโหนกระแส
สิ่งที่สร้างความสนใจแก่ผู้ชมและสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง คือถ้อยคำทิ้งท้ายของอาจารย์เบียร์ที่ได้กล่าวไว้บนเวทีโหนกระแส ซึ่งสะท้อนท่าทีชัดเจนว่า แม้จะมีข้อกล่าวหามากมายต่อครูบาอาจารย์ แต่เขายึดมั่นในพระธรรมมากกว่าการยึดติดที่ตัวบุคคล
อาจารย์เบียร์กล่าวอย่างชัดเจนว่า
“อาจารย์สอนลูกศิษย์ของตัวเองเสมอว่า อย่ายึดที่ตัวบุคคล ให้ยึดที่พระธรรมคำสั่งสอน แม้ครูบาอาจารย์ของเราจะล่มจมลงไป แต่ธรรมะที่ท่านสอนหากถูกต้อง เราฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา การที่ครูบาอาจารย์ล่มจมไป 1 คน แต่อีก 10-20 คนยังคงอยู่ เราต้องแยกแยะให้เป็น”
ประโยคดังกล่าวไม่เพียงเป็นการชี้นำให้ศิษย์และผู้ติดตามวัดนาป่าพงเข้าใจแนวคิดที่ถูกต้อง แต่ยังสะท้อนหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างตรงไปตรงมา ว่า “อย่ายึดติดในบุคคล แต่ให้ยึดที่เนื้อหาธรรมะ”
อาจารย์เบียร์ยังเสริมว่า หากสุดท้ายแล้ว พระอาจารย์คึกฤทธิ์ผิดจริง ตนก็พร้อมที่จะยอมรับความจริง และอาจหมดความเคารพนับถือต่อท่านในฐานะบุคคล แต่จะไม่หมดความเคารพต่อธรรมะที่ท่านเคยสั่งสอนมา เพราะแก่นแท้ของการปฏิบัติธรรมคือการยึดพระธรรม ไม่ใช่ยึดติดที่ตัวครูบาอาจารย์
ประกาศชัด “ถ้าผิดจริง ต้องยอมรับความจริง”
ในรายการเดียวกัน อาจารย์เบียร์ยังย้ำจุดยืนที่น่าสนใจว่า
หากพระอาจารย์คึกฤทธิ์มีความผิดจริงตามที่ถูกตั้งข้อสงสัย ตนต้องยอมรับความจริงและไม่ปฏิเสธความเป็นจริงนั้น
ความเคารพที่เคยมีต่อพระอาจารย์ในฐานะบุคคลอาจหมดไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือความเคารพและศรัทธาต่อคำสั่งสอนที่เป็นธรรมะ
การยึดมั่นในพระธรรมคือสิ่งที่จะทำให้ศิษย์ทุกคนไม่หลงทาง แม้ครูบาอาจารย์จะมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดก็ตาม
ท่าทีดังกล่าวถือเป็นการส่งสารสำคัญไปยังสังคม ว่าแม้บุคคลจะถูกวิจารณ์หรือถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่สาระของพระธรรมไม่ควรถูกลดค่าหรือถูกปฏิเสธไปด้วย
กระแสตอบรับทันทีหลังจบรายการ
สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้ร้อนแรงยิ่งขึ้นคือ หลังจากที่รายการโหนกระแสจบลงเพียงไม่นาน ได้เกิดความเคลื่อนไหวใหม่ที่ทำให้หลายคนจับตามองอย่างใกล้ชิด
เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Drama-addict ได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมตั้งคำถามว่า “เริ่มแถลงยัง?” ซึ่งสื่อให้เห็นว่ามีการจับตาความเคลื่อนไหวต่อเนื่องของฝั่งวัดนาป่าพงว่าจะมีคำชี้แจงเพิ่มเติมอย่างไร
ขณะเดียวกัน เพจ ดาวแปดแฉก ก็รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า อาจารย์เบียร์ได้เดินทางไปถึงวัดนาป่าพงทันทีหลังจบรายการ และได้เดินขึ้นไปด้านหลังเข้าไปยังห้องที่ติดกับศาลาอเนกประสงค์ ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ในโลกออนไลน์ว่า อาจมีการหารือหรือเตรียมชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้
ทำไมประเด็นนี้ถึงได้รับความสนใจสูง?
การที่อาจารย์เบียร์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในเรื่อง “อย่ายึดบุคคล ให้ยึดพระธรรม” เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เพราะในสังคมไทย หลายครั้งที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนถูกโยงกับตัวบุคคลมากกว่าหลักธรรม ทำให้เมื่อบุคคลมีข้อบกพร่อง ความศรัทธาก็สั่นคลอนตามไปด้วย
แต่แนวคิดที่อาจารย์เบียร์กล่าวไว้ตรงนี้ เป็นการย้ำว่า ศาสนาพุทธมีแก่นแท้อยู่ที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์แบบของครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นเพียงผู้ถ่ายทอด
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของอาจารย์เบียร์ที่เดินทางไปยังวัดนาป่าพงทันทีหลังจบรายการ ก็ยิ่งทำให้สังคมเฝ้าจับตามองว่า จะเกิดการประชุมหรือแถลงการณ์ใด ๆ ที่มีผลต่อทิศทางของวัดในอนาคตหรือไม่
ในโลกออนไลน์ มีการถกเถียงอย่างกว้างขวางต่อคำพูดของอาจารย์เบียร์ หลายคนมองว่าเป็นคำพูดที่สะท้อนหลักธรรมอย่างแท้จริง และช่วยให้ศิษย์ของวัดนาป่าพงไม่สับสนหรือหมดศรัทธาโดยสิ้นเชิง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ยังรอดูท่าทีและการกระทำจริงของวัดว่าจะสอดคล้องกับคำพูดนี้หรือไม่
บางความคิดเห็นระบุว่า การยอมรับความจริงหากมีความผิดเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อไม่ให้ศาสนาพุทธต้องเสื่อมศรัทธาจากการปกป้องบุคคลเพียงคนเดียว ขณะที่บางความเห็นก็ยังคงให้กำลังใจและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระอาจารย์คึกฤทธิ์
สรุป
เหตุการณ์ในวันที่ 16 กันยายน 2568 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวัดนาป่าพงและผู้ติดตามพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เมื่ออาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ออกมาประกาศจุดยืนกลางรายการโหนกระแสว่า
หากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ผิดจริง ต้องยอมรับความจริง
ความเคารพต่อบุคคลอาจหมดไป แต่ความเคารพต่อพระธรรมจะไม่เสื่อมคลาย
การยึดมั่นในพระธรรมคือหลักสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติยังคงเดินต่อไปได้
และทันทีหลังจบรายการ เขายังเดินทางไปถึงวัดนาป่าพงเพื่อร่วมเคลื่อนไหวต่อไป ทำให้เรื่องราวนี้ยังไม่จบง่าย ๆ และยังคงเป็นที่จับตามองของสังคมไทยต่อไปอย่างแน่นอน


















