นักวิทยาศาสตร์เผย อันตรายจากการเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งชนโลก
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2021 (ตามเวลาสากล) ยานอวกาศ DART ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศเพื่อไปทำภารกิจ Double Asteroid Redirection Test (DART) ซึ่งเป็นภารกิจทางอวกาศของนาซ่าที่จะทดสอบวิธีการป้องกันดาวเคราะห์จากวัตถุใกล้โลกโดยมุ่งเป้าการชนไปที่ดาวไดมอร์ฟอส (Dimorphos) ซึ่งเป็นดวงจันทร์ของดาวเคราะหืน้อยที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เรียกว่า ไดดีมอส (Didymos)
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2022 (ตามเวลาสากล) ยานอวกาศ DART พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสด้วยความเร็ว 22,530 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งการชนในครั้งนี้ทำให้คาบการโคจรของดาวเคราะห์รอบดาวไดดีมอสลดลงจากเดิม 11 ชั่วโมง 52 นาที เหลือ 11 ชั่วโมง 33±1 นาที วิจัยพบว่าการชนดังกล่าวทำให้ความเร็วของดาวไดมอร์ฟอสลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีประมาณ 2.7 มิลลิเมตรต่อวินาทีตลอดวงโคจร
แต่ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ได้ค้นพบว่าการพยายามเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยโดยเล็งไม่ดีอาจทำให้หินจากอวกาศเคลื่อนผ่านบริเวณอันตรายในอวกาศที่เรียกว่า "gravitational keyhole" โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่ง gravitational keyhole เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในอวกาศโดยอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์จะดึงดูดดาวเคราะห์น้อยที่ผ่านเข้ามา และบิดวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยเล็กน้อยซึ่งอาจจะส่งพลต่อการเดินทางของมันและอาจทำให้กลับมาพุ่งชนโลกได้ในอนาคต และการเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์เหล่านั้นอาจเป็นเพียงแค่การเลื่อนเวลาการพุ่งชนโลกของมันเพียงเท่านั้น
นักวิจัยจากนาซ่า ราฮิล มาคาเดีย (Rahil Makadia) และทีม เสนอแนวทางการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวในอนาคต โดยการสร้างแผนที่ความน่าจะเป็นเพื่อระบุจุดที่ปลอดภัยในการพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยในแต่ละดวง
แม้ว่าเป้าหมายของ DART คือ ไดมอร์ฟอส ซึ่งการพุ่งชนของมันค่อนข้างแม่นยำ และอีกอย่างวงโคจรของไดดีมอส (Didymos) ก็มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเบี่ยงเบนมาชนโลกได้ แต่ภัยคุกคามจากดาวเคราะห์น้อยในอนาคตคงก็ยังคงน่าจับตาดู และศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการวางแผนรับมือโดยระเอียดและแม่นยำ เพื่อการปกป้องโลกจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น ๆ นั้นยังคงสำคัญต่อมนุษยโลกในอนาคต














