บิ๊กเต่าแฉแรง! เจอ “ตลก 3 พยางค์” วันจับทิดอลงกต พิรุธอื้อ ไม่ยอมโผล่รายงานตัว
“บิ๊กเต่า” เปิดข้อมูลใหม่ คดีวัดพระบาทน้ำพุ ชี้เป้า “ตลกดัง 3 พยางค์” ยังไม่รายงานตัว – พบพิรุธเชื่อมโยงเส้นทางการเงินและวันจับกุม “อดีตพระอลงกต”
คดีใหญ่ที่สังคมไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด หนีไม่พ้นกรณี “อลงกตการละคร” หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินและพฤติกรรมของ อดีตพระอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีความผิดปกติในการจัดการเงินบริจาคเพื่อการกุศล ขณะนี้คดีได้ขยายผลไปถึงบุคคลในวงการบันเทิง ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือที่สื่อเรียกกันว่า “บิ๊กเต่า” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญ โดยชี้ว่าเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบไปถึง “ตลกชื่อดัง 3 พยางค์” ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินและพฤติกรรมที่น่าสงสัยหลายประการ
มหากาพย์ “อลงกตการละคร” ที่สังคมจับตา
คดีนี้เริ่มต้นจากการตรวจสอบความผิดปกติในเรื่องการเงินของ วัดพระบาทน้ำพุ สถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือผู้ป่วย HIV/AIDS มานานหลายทศวรรษ การที่อดีตเจ้าอาวาสและบุคคลใกล้ชิดถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรืออาจเกี่ยวพันกับการทุจริต จึงเป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบต่อความศรัทธาของประชาชน
อดีตพระอลงกต ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางความตกตะลึงของสังคม เพราะเป็นบุคคลที่เคยได้รับความเคารพนับถือและมีชื่อเสียงในด้านการทำงานเพื่อสังคม แต่สิ่งที่ตามมาคือการขยายผลไปยังบุคคลอื่น ๆ ที่อาจมีส่วนร่วมในเครือข่ายทางการเงิน
“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าใหม่: ตลกดัง 3 พยางค์
ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ “บิ๊กเต่า” ได้กล่าวถึงบุคคลที่กำลังถูกตรวจสอบเพิ่มเติมว่า คือ “ตลกชื่อดัง 3 พยางค์” ซึ่งเจ้าหน้าที่พบข้อมูลหลายด้านที่ชวนให้ตั้งคำถาม
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าตลกดังรายนี้มีความเกี่ยวพันกับอดีตพระอลงกต ไม่ใช่แค่ในเชิงการทำงานรับจ้างหรือการร่วมกิจกรรมทั่วไป แต่มีความ “สนิทสนมเป็นการส่วนตัว” ในระดับที่เกินกว่าความสัมพันธ์ทั่วไปของผู้ว่าจ้างกับผู้รับงาน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ขณะนี้ตลกดังยัง “ไม่เข้ามารายงานตัว” ตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย ทำให้พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
พฤติกรรมน่าสงสัยที่ตรวจพบ
รายงานจากชุดสืบสวนระบุว่า ตลกดัง 3 พยางค์ มีพฤติกรรมที่ถือว่าน่าสงสัยและสังคมควรตั้งคำถาม ได้แก่
1. มีความสนิทสนมกับอดีตพระอลงกตในเชิงส่วนตัว
ไม่ใช่แค่การร่วมงานหรือรับจ้างงานบันเทิง แต่มีการพบปะและติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง จนถูกมองว่าอาจมีการรู้เห็นหรือเกี่ยวพันกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่โปร่งใส
2. มีส่วนช่วยขนย้ายสิ่งของและเอกสารสำคัญ
เจ้าหน้าที่พบเบาะแสว่าตลกดังอาจมีบทบาทในการช่วยเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหรือเอกสารบางอย่าง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการซ่อนเร้นหรือการทำลายหลักฐานทางการเงิน
3. มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน
ประวัติส่วนตัวของตลกดังรายนี้ไม่ใช่เรื่องใสสะอาดทั้งหมด แต่เคยมีประวัติในคดีอาญา แม้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยถึงความน่าเชื่อถือ
4. ปรากฏตัวในวันจับกุมอดีตพระอลงกต
จุดที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามคือ การที่ตลกดังรายนี้ปรากฏตัวอยู่ในวันเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวอดีตพระอลงกต ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามีเหตุผลใดถึงไปอยู่ในที่เกิดเหตุ
กรณีวัดพระบาทน้ำพุไม่ได้เป็นเพียงคดีทั่วไป แต่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ เงินบริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งประชาชนจำนวนมากบริจาคด้วยศรัทธาและความตั้งใจช่วยเหลือผู้ป่วย HIV/AIDS
หากมีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ หรือมีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาประโยชน์ ย่อมถือเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาของสังคมอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ
“บิ๊กเต่า” ยืนยันว่า คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด และเจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด โดยเฉพาะการไหลเวียนของเงินบริจาคที่เชื่อมโยงกับบุคคลในวงการบันเทิงและเครือข่ายอื่น ๆ
การเรียกตลกดัง 3 พยางค์เข้ามาสอบสวนถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ เพราะหากพบว่ามีการเกี่ยวข้องจริง อาจทำให้คดีขยายวงไปถึงบุคคลอื่น ๆ ในแวดวงบันเทิง ธุรกิจ หรือแม้แต่การเมือง
หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป กระแสในสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยความตื่นตัว หลายคนคาดเดาว่าตลกดังรายนี้คือใคร และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการเพื่อความโปร่งใส ขณะเดียวกันก็มีเสียงเตือนว่า ควรรอข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ ไม่ควรด่วนตัดสินเพียงจากข่าวลือ
สรุปสถานการณ์ล่าสุด
คดีวัดพระบาทน้ำพุ หรือ “อลงกตการละคร” ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ตลกชื่อดัง 3 พยางค์ ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินและพฤติกรรมน่าสงสัย
ขณะนี้ตลกดังยัง ไม่มารายงานตัว ทำให้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายเรียก
พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่ เอกสารทางการเงินและความเชื่อมโยงเชิงพฤติกรรม
บทสรุป
คดีนี้สะท้อนให้เห็นว่า การตรวจสอบความโปร่งใสในองค์กรการกุศลเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะเกี่ยวพันกับศรัทธาของสังคมและชีวิตของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะ “บิ๊กเต่า” ออกมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยให้ประชาชนเห็นความคืบหน้า และติดตามคดีอย่างใกล้ชิด
อนาคตของคดีนี้จะเป็นอย่างไร และ “ตลกดัง 3 พยางค์” จะมีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ คงต้องติดตามการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อไป แต่สิ่งที่แน่นอนคือ คดีนี้ได้กลายเป็น มหากาพย์ที่ทั้งสังคมไทยกำลังเฝ้าจับตามอง และจะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของวงการศาสนาและวงการบันเทิงไทย
















