“หนุ่ม กรรชัย” ดึง “คุณหญิง” โผล่โหนกระแส ปมร้อนคู่กรณียังหายตัว
หนุ่ม กรรชัย เชิญ "คุณหญิง" ออกโหนกระแส ปมดราม่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ หลังคู่กรณียังไม่ไป สน.หัวหมาก
วันที่ 1 กันยายน 2568 – สังคมออนไลน์ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดกับกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นบนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ หลังจากที่ “มาเดีย” หญิงสาวชาวมุสลิมถูก “ชูศักดิ์” ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ด่าทอและเหยียดศาสนาอย่างรุนแรง คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
แม้ว่า มาเดีย ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ “ชูศักดิ์” ยังไม่ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามกำหนดการแต่อย่างใด ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความคืบหน้าของคดีและความรับผิดชอบของคู่กรณี
รายการโหนกระแสลงสนาม
ท่ามกลางความสนใจของสังคม รายการ “โหนกระแส” ที่มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ทำหน้าที่พิธีกรหลัก ได้เตรียมหยิบประเด็นนี้มานำเสนอในรายการเพื่อเป็นเวทีในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ล่าสุด คุณหญิง (Sudarat Azzahabi) ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการประสานงานช่วยเหลือมาเดีย เดินทางพาเธอไปแจ้งความที่ สน.หัวหมาก ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“พี่หนุ่มกรรชัย ให้โหนกระแสโทรมา ให้มาออกในรายการ”
ข้อความดังกล่าวกลายเป็นสัญญาณยืนยันชัดเจนว่า รายการชื่อดังที่มีเรตติ้งสูงสุดในประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลาง เปิดพื้นที่ให้ผู้เสียหายอย่างมาเดียได้เล่าความจริงด้วยตนเอง
จุดเริ่มต้นของดราม่า: ความขัดแย้งบนรถไฟฟ้า
เหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่ผู้โดยสารบนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รายหนึ่งบันทึกคลิปวิดีโอไว้ได้ ภาพปรากฏชัดเจนว่า “ชูศักดิ์” ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ และพาดพิงศาสนาอิสลามอย่างรุนแรงต่อ มาเดีย หญิงสาวชาวมุสลิมที่สวมฮิญาบ
คลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็มียอดผู้เข้าชมหลักแสน และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของคู่กรณีที่ ไม่เพียงเป็นการเหยียดบุคคล แต่ยังลุกลามไปถึงการเหยียดศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในสังคมพหุวัฒนธรรมของไทย
ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหาย
หลังจากเหตุการณ์ มาเดียตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สน.หัวหมาก โดยมี คุณหญิง Sudarat Azzahabi เป็นผู้ประสานงานและพาไปดำเนินการ
มาเดียระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึก เสียใจและหวาดกลัว เพราะไม่คาดคิดว่าจะถูกเลือกปฏิบัติและถูกดูหมิ่นด้วยเหตุผลด้านศาสนาในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้บริการได้อย่างเท่าเทียม
การตัดสินใจเข้าแจ้งความไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องสิทธิ์ของเธอเอง แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้สังคมตระหนักว่า การเหยียดศาสนาไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย
ความเงียบของคู่กรณี
ในขณะที่ผู้เสียหายได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่คู่กรณีอย่าง “ชูศักดิ์” กลับยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.หัวหมากตามที่ถูกเรียกตัว ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า
เหตุใดคู่กรณียังไม่แสดงความรับผิดชอบ
จะมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
การไม่ปรากฏตัวอาจสะท้อนถึงความพยายามหลีกเลี่ยงคดีหรือไม่
ประเด็นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนอยากฟังความจริงจากฝั่งผู้เสียหายในรายการโหนกระแสมากยิ่งขึ้น
โหนกระแส: เวทีสะท้อนความจริง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โหนกระแส ถือเป็นหนึ่งในรายการที่มีอิทธิพลต่อการสร้างกระแสสังคมและเปิดโปงข้อเท็จจริงในหลายกรณี
การที่ หนุ่ม กรรชัย ตัดสินใจหยิบเรื่องนี้มานำเสนอ สะท้อนให้เห็นว่า ประเด็นนี้มีความสำคัญและสังคมต้องการคำตอบที่ชัดเจน
เวทีของโหนกระแสจึงไม่ใช่เพียงการเล่าข่าว แต่เป็น พื้นที่ปลอดภัยให้ผู้เสียหายได้พูด และเป็นโอกาสให้คู่กรณี (หากพร้อม) ได้ชี้แจงด้วยเช่นกัน
ปฏิกิริยาในโลกออนไลน์
ทันทีที่คุณหญิงโพสต์ยืนยันว่าได้รับการติดต่อจากทีมงานโหนกระแส โลกออนไลน์ก็ตื่นเต้นและรอคอยการออกอากาศ
มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากแสดงความดีใจที่เรื่องนี้จะได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
หลายคนคาดหวังว่าหนุ่ม กรรชัยจะซักถามประเด็นที่หลายคนสงสัย เช่น เหตุใดคู่กรณียังไม่เข้าพบตำรวจ และความรู้สึกจริง ๆ ของมาเดียเป็นอย่างไร
บางความคิดเห็นชี้ว่า นี่อาจเป็นกรณีตัวอย่างในการต่อสู้กับ การเหยียดศาสนาและความไม่เท่าเทียม ในสังคมไทย
มิติทางสังคมและกฎหมาย
กรณีนี้ไม่ได้เป็นเพียงดราม่าส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนถึง มิติทางสังคมและกฎหมาย หลายด้าน
1. สิทธิมนุษยชน – ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะนับถือศาสนาของตนโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติหรือเหยียดหยาม
2. กฎหมายอาญา – การด่าทอและเหยียดศาสนาอาจเข้าข่ายความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่น หรือสร้างความเกลียดชัง
3. การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม – ประเทศไทยมีประชากรหลากหลายศาสนา การเคารพซึ่งกันและกันเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ความคาดหวังจากสังคม
สังคมกำลังจับตาดูการออกอากาศของรายการโหนกระแสในวันนี้ว่าจะสามารถ คลี่คลายข้อสงสัยและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้หรือไม่
ผู้คนคาดหวังว่าจะได้ฟังเสียงจากผู้เสียหายโดยตรง
บางคนอยากเห็นการแสดงความรับผิดชอบจากคู่กรณี
หลายฝ่ายอยากให้กรณีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ “ไม่เหยียดศาสนา” ในสังคมไทย
สรุป
ดราม่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่มาเดียถูกเหยียดศาสนากลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามองอย่างใกล้ชิด การที่หนุ่ม กรรชัยและทีมงานโหนกระแสเข้ามาเป็นตัวกลาง เปิดพื้นที่ให้ผู้เสียหายได้เล่าความจริง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความชัดเจนต่อสาธารณะ
ไม่ว่าการออกอากาศวันนี้จะลงเอยอย่างไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เรื่องนี้ได้สะท้อนปัญหาที่ลึกซึ้งในสังคมไทยเกี่ยวกับการเคารพสิทธิและศาสนา และเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพและเท่าเทียม






















