รักกี่โมง! เปิดเอกสารลับกัมพูชา เผยความพยายามสร้างชาติรักสันติภาพ
กัมพูชา: ความพยายามสร้างภาพชาติรักสันติภาพ แต่พฤติกรรมภายในย้อนแย้งกับโลก
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้เผยแพร่เอกสารทางการของ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเอกสารที่ถูกส่งต่อไปยังทูตเขมรประจำต่างประเทศ โดยมีเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับความพยายามของกัมพูชาในการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นชาติรักสันติภาพต่อสายตาชาวโลก
ตามเอกสารดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้มีคำสั่งให้ทูตประจำต่างประเทศออกแรง ล็อบบี้ต่อทูตต่างชาติ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ สนับสนุนกัมพูชาในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก คณะกรรมการองค์กรสร้างสันติภาพ (OCPBC) ของสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาประชาคมโลก แต่ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมของรัฐบาลกัมพูชากลับสวนทางกับภาพลักษณ์ที่พยายามสร้าง
การสร้างภาพชาติรักสันติภาพ
เอกสารดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลกัมพูชาต้องการให้ประชาคมโลกมองประเทศตนในแง่บวก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศ การเป็นสมาชิกคณะกรรมการ OCPBC จะเปิดโอกาสให้ประเทศสามารถเข้าถึง เงินทุนสนับสนุนเพื่อการสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ซึ่งถือเป็นกองทุนสำคัญที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ในการป้องกันความขัดแย้งและสร้างความมั่นคงทางสังคม การมีสถานะเป็นสมาชิกขององค์กรดังกล่าวจึงมีประโยชน์ทางการเมืองและการเงินสูง
นอกจากนี้ การได้รับการยอมรับในระดับสากลยังช่วยให้กัมพูชาสามารถสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็น ประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก มีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาสันติภาพ และสามารถเข้าร่วมกับมาตรการระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้
พฤติกรรมย้อนแย้งของรัฐบาลกัมพูชา
แม้เอกสารของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจะชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างภาพลักษณ์ของชาติรักสันติภาพ แต่ความจริงในประเทศกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลกัมพูชากลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหลายประเด็น ได้แก่
1. การกดขี่ประชาชน – รัฐบาลกัมพูชาถูกกล่าวหาว่าใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมประชาชน เช่น การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการจับกุมผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางกับแนวคิดสันติภาพและสิทธิมนุษยชน
2. การปิดปากสื่อมวลชน – สื่อในประเทศถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ข่าวสารที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐมักถูกปิดกั้นหรือเซ็นเซอร์ การปิดปากสื่อทำให้ประชาชนขาดช่องทางรับข้อมูลที่เป็นกลาง และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความโปร่งใสในสังคม
3. การใช้ความรุนแรงและทุ่นระเบิด – มีรายงานเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดและความรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนหรือพื้นที่ชนบท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ปลอดภัยภายในประเทศ ทั้งนี้ยังเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดคำถามต่อประชาคมโลกว่า รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญต่อการป้องกันความรุนแรงอย่างแท้จริงหรือไม่
4. ปัญหาการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ – กัมพูชายังเผชิญกับปัญหาการค้ามนุษย์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ รัฐบาลยังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง
5. การละเมิดสิทธิมนุษยชน – การจับกุมและคุมขังผู้ที่วิจารณ์รัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรม หรือการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในหลายพื้นที่ ถือเป็นเรื่องที่สวนทางกับการสร้างภาพประเทศรักสันติภาพ
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึง ความย้อนแย้งระหว่างนโยบายต่างประเทศกับพฤติกรรมภายในประเทศ ซึ่งอาจสร้างความไม่เชื่อมั่นในสายตาประชาคมโลก
โอกาสและความท้าทายในการเป็นสมาชิก OCPBC
แม้ว่าพฤติกรรมภายในประเทศจะเป็นที่ถกเถียง แต่การเข้าร่วมเป็นสมาชิก คณะกรรมการ OCPBC ยังคงเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามดำเนินการอย่างหนัก เพราะการเป็นสมาชิกองค์กรระดับโลกนี้มีประโยชน์หลายด้าน:
1. เพิ่มโอกาสทางการเงิน – การเข้าร่วม OCPBC เปิดโอกาสให้ประเทศสามารถเข้าถึง กองทุนเพื่อการสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ซึ่งเป็นเงินทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ในการสร้างความมั่นคงและลดความขัดแย้งภายในประเทศ
2. สร้างภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ – การเป็นสมาชิกคณะกรรมการระดับโลกช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับประเทศ และสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีขึ้นกับประเทศอื่น
3. เป็นเวทีแสดงความมุ่งมั่นสันติภาพ – การเข้าร่วมองค์กรสร้างสันติภาพของ UN ถือเป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนสันติภาพและความมั่นคงของประชาคมโลก
อย่างไรก็ตาม การสร้างภาพลักษณ์ดังกล่าวต้องมาพร้อมกับ ความโปร่งใสและความเคารพสิทธิมนุษยชน หากประชาคมโลกพบว่าพฤติกรรมภายในประเทศสวนทางกับการประกาศเจตนารมณ์ อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและโอกาสในการเข้าร่วมองค์กรระดับโลกได้
ความเห็นจากนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศมองว่าการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาเป็นตัวอย่างของ การสร้างภาพลักษณ์ (Image-building) ในเวทีโลก แต่ไม่สอดคล้องกับความจริงภายในประเทศ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ในหลายประเทศที่ต้องการประโยชน์ทางการเงินและการเมืองจากองค์กรระหว่างประเทศ แต่ละประเทศอาจใช้วิธีการล็อบบี้และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แม้พฤติกรรมภายในจะขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่นำเสนอ
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า การสร้างภาพลักษณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะ ทำลายความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ หากประชาคมโลกตรวจสอบพบว่า นโยบายสาธารณะและพฤติกรรมของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับการสนับสนุนสันติภาพอย่างแท้จริง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อโอกาสในการเข้าร่วมองค์กรระหว่างประเทศหรือการได้รับเงินทุนสนับสนุน
สถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
ในปัจจุบัน กัมพูชายังคงเดินหน้าในเชิงการทูตเพื่อสร้างภาพลักษณ์ชาติรักสันติภาพ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาภายในประเทศถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ การสร้างความเชื่อมั่นในระดับสากลจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศสามารถพิสูจน์ความมุ่งมั่นใน การเคารพสิทธิมนุษยชนและสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง
ประชาคมโลกและองค์กรระหว่างประเทศคงจับตาอย่างใกล้ชิดว่า กัมพูชาจะสามารถปรับตัวและแก้ไขพฤติกรรมภายในประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายระหว่างประเทศได้หรือไม่ โดยเฉพาะในด้านการปฏิบัติต่อประชาชน การส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการป้องกันความรุนแรง
หากกัมพูชาสามารถสร้างสมดุลระหว่างนโยบายต่างประเทศกับพฤติกรรมภายในประเทศได้ โอกาสในการได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกและการเข้าถึง กองทุนเพื่อการสร้างสันติภาพ ก็จะสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากพฤติกรรมภายในประเทศยังคงสวนทางกับภาพลักษณ์ที่พยายามสร้าง ประชาคมโลกอาจตั้งคำถามถึงความจริงใจและความสามารถของรัฐบาลกัมพูชาในการมีส่วนร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ
บทสรุป
เอกสารที่เผยแพร่โดยเพจ Army Military Force เปิดเผยถึง ความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาในการสร้างภาพลักษณ์ชาติรักสันติภาพ แต่ในความเป็นจริง พฤติกรรมภายในประเทศกลับสวนทางกับภาพลักษณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน การกดขี่ประชาชน ปิดปากสื่อ การใช้ความรุนแรง และปัญหาการค้ามนุษย์ ทำให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างนโยบายต่างประเทศกับพฤติกรรมภายในประเทศ
การเข้าร่วม คณะกรรมการองค์กรสร้างสันติภาพ (OCPBC) ของ UN ถือเป็นโอกาสสำคัญทั้งทางการเงินและการสร้างภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ แต่ความสำเร็จในด้านนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของกัมพูชาในการปรับปรุงพฤติกรรมภายในประเทศให้สอดคล้องกับแนวคิดสันติภาพอย่างแท้จริง
สำหรับประชาคมโลกและผู้สนใจติดตามสถานการณ์ ความท้าทายสำคัญคือการสังเกตว่ากัมพูชาจะสามารถ เชื่อมโยงนโยบายระหว่างประเทศกับการปฏิบัติภายในประเทศ ได้หรือไม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือในระดับสากลอย่างยั่งยืน
อ้างอิงจาก: เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force
















