ดาราสาวอาเจียนเป็นเลือดขณะถ่ายละคร
นักแสดงสาว ที่รู้จักกันในชื่อ "เสี่ยว เหวิน" วัย 24 ปี ได้สร้างความตกตะลึงให้กับสาธารณชน เมื่อเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น "มะเร็งกระเพาะอาหาร" ชนิด Signet Ring Cell ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่ง ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งมะเร็งกระเพาะอาหาร" โดยเรื่องราวของเธอกลายเป็นสัญญาณเตือนถึงวิถีชีวิต ที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการกิ นที่ไม่สม่ำเสมอและการดื่มกาแฟมากเกินไป เพื่อรับมือกับความกดดันจากการทำงาน...
"เสี่ยว เหวิน" สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย สาขาการละคร และ เข้าสู่วงการศิลปะด้วยบทบาทในภาพยนตร์สั้นและละครเวที อย่างไรก็ตาม วงจรอุบาทว์ของวงการบันเทิง ได้กัดกร่อนสุขภาพของเธออย่างรวดเร็ว และ เพื่อให้เธอทันกับตารางการถ่ายทำ ทีมงานมักจะถ่ายทำฉากภายนอก ในตอนกลางวัน และ ถ่ายทำฉากภายในต่อในตอนกลางคืน เธอแทบไม่มีเวลาพักผ่อนหรือรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม เธอมักจะงดอาหาร และ พึ่งพาแต่กาแฟเพื่อให้ตื่นตัว วิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นนี้ ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง ต่อกระเพาะอาหารของเธออย่างเงียบๆ
ในตอนแรก "เสี่ยว เหวิน" มีอาการเพียงปวดท้องแบบจุกเสียด แสบร้อนกลางอก และ เป็นโรคกรดไหลย้อน เธอกินยาควบคุมอาการชั่วคราว และ เพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนของร่างกาย จนกระทั่งอาการของเธอแย่ลง มีอาการอาเจียนเป็นเลือดเป็นพักๆในกองถ่าย พร้อมกับอุจจาระสีดำบ่อยครั้ง หลังจากที่เธออาเจียนเป็นเลือดหนักมาก เพื่อนร่วมงานของเธอจึงรีบพาเธอไปส่งห้องฉุกเฉินทันที...
ผลการส่องกล้องทำให้พบว่า มีแผลขนาดใหญ่ลุกลามไปทั่วบริเวณทวารหนัก ของกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารแข็งและไม่ยืดหยุ่น และ จากการตรวจชิ้นเนื้อพบว่า เธอเป็นมะเร็งเซลล์วงแหวนกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นโรคที่คิดเป็นประมาณ 10% ของมะเร็งกระเพาะอาหารทั้งหมด และ ถือเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่ง
แพทย์กล่าวอธิบายว่า "เมื่อส่องกล้องดูเซลล์มะเร็งชนิดนี้ จะเต็มไปด้วยเมือก นิวเคลียสจะถูกดันไปจนสุดขอบ ก่อตัวเป็นรูปวงแหวน จึงเป็นที่มาของชื่อโรคนี้" และ "โรคนี้มีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการพัฒนาอย่างเงียบๆ ลุกลามอย่างรวดเร็ว และ เมื่อตรวจพบแล้ว โรคนี้มักจะอยู่ในระยะท้ายๆ ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยาก" และ "เกือบทั้งหมดของผู้ป่วย จะเสียชีวิต..."
เรื่องราวของ "เสี่ยว เหวิน" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า "สุขภาพอาจถูกทำลายลงด้วยตารางงานที่แน่นเอี้ยด และ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี" เรื่องราวนี้ยังเตือนใจเยาวชนยุคใหม่ว่า "ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน สุขภาพต้องมาก่อนเสมอ เพราะเมื่อสุขภาพเสียไป ชื่อเสียงในอาชีพการงาน ก็ไร้ความหมาย..."






















