ฟินิกซ์รุ่น 6 มาแล้ว! นักบินโดรนกองทัพบก พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บปกป้องชาติ
ศูนย์ฝึกผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับกองทัพบก: พิธีมอบประกาศนียบัตรรุ่นที่ 6 สดุดีผู้กล้าผู้สละชีวิต พร้อมโชว์ศักยภาพโดรนโจมตีทางยุทธวิธี
ในยุคที่สงครามและภัยคุกคามด้านความมั่นคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial System: UAS) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทางทหารอย่างยิ่ง กองทัพบกไทยเองก็มองเห็นถึงความจำเป็นดังกล่าว จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ฝึกผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับโจมตีทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี ภายใต้การดูแลของ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกำลังพลในการรับมือสถานการณ์จริง
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ได้มีการจัดพิธีสำคัญในโอกาสมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกหลักสูตรผู้บังคับ UAS รุ่นที่ 6 พร้อมการจัดแสดงคลิปวีดิทัศน์สดุดีผู้กล้าทั้ง 3 นายจากรุ่นที่ 4 ซึ่งได้สละชีวิตในสมรภูมิที่ ปราสาทตาควาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดนไทย
พิธีสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมผู้กล้า
พิธีครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการมอบประกาศนียบัตรธรรมดา แต่ยังเป็นการรำลึกถึงความเสียสละของกำลังพลที่จากไปอย่างกล้าหาญ 3 นายจากรุ่นที่ 4 ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจขับไล่ข้าศึกศัตรูเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
คลิปวิดีโอที่จัดทำขึ้นเพื่อสดุดีและเทิดเกียรติพวกเขา ถูกนำมาเผยแพร่ในงาน โดยมีเสียงบรรยายถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ และการปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติ เสียงปรบมือดังก้องทั่วพื้นที่พิธีการสะท้อนถึงการยกย่องอย่างสุดซึ้งที่กองทัพมีต่อวีรบุรุษเหล่านี้
การบรรยายจากผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู
พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ได้ขึ้นบรรยายต่อหน้านักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 และคณะอาจารย์ที่เดินทางมาศึกษาดูงาน ณ กองกำลังนเรศวร โดยได้กล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตร UAS Combat Drone Operator ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การรบยุคใหม่
“การฝึกนี้ไม่ได้สอนเพียงการบังคับโดรนเท่านั้น แต่ยังเน้นการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง การประสานงานกับหน่วยภาคพื้น การปรับใช้เทคโนโลยีเข้ากับยุทธวิธี และการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ”
การฝึกและทดสอบศักยภาพ UAS
หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ การทดสอบการบินโดรนโจมตีทิ้งระเบิด ของผู้เข้ารับการฝึก รุ่นที่ 6 โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1. โดรนตรวจการณ์ (Surveillance Drone) ทำหน้าที่สอดแนม ตรวจหาพื้นที่เป้าหมาย และส่งข้อมูลเรียลไทม์กลับมายังหน่วยควบคุม
2. โดรนโจมตี (Combat Drone) ทำหน้าที่ทิ้งระเบิดตามเป้าหมายที่ได้รับการชี้เป้า
การประสานงานระหว่างสองระบบนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มความแม่นยำของการโจมตี ลดความเสียหายข้างเคียง และเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการกับภัยคุกคามอย่างตรงจุด
หลังเสร็จสิ้นการทดสอบ ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อสังเกต วิเคราะห์ข้อบกพร่อง และเสนอแนวทางปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ในการฝึกในรุ่นต่อ ๆ ไป
พิธีมอบประกาศเกียรติคุณ
เมื่อเสร็จสิ้นการบรรยายและการสาธิต พ.อ.ณัฐกร ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและประดับเครื่องหมายแสดงขีดความสามารถแก่กำลังพลผู้ผ่านการฝึกอบรม รุ่นที่ 6 ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่า พวกเขามีความพร้อมทั้งด้านทักษะ เทคนิค และความเข้าใจในบทบาทของผู้บังคับ UAS ในสนามรบ
พิธีการครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการให้เกียรติ แต่ยังเป็นการสร้าง ขวัญและกำลังใจ ให้กับผู้สำเร็จการฝึก พร้อมย้ำเตือนว่าหน้าที่ของพวกเขามีความสำคัญต่อการปกป้องอธิปไตยของชาติ
ความสำคัญของ UAS ในยุทธวิธีสมัยใหม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าประเทศมหาอำนาจทางทหาร เช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง ต่างนำโดรนเข้ามามีบทบาทสำคัญในสงคราม ตัวอย่างเช่น
การโจมตีเป้าหมายสำคัญในตะวันออกกลางด้วยโดรนติดอาวุธ
การใช้โดรนลาดตระเวนตรวจจับความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม
การใช้โดรนขนาดเล็กในสงครามยูเครน เพื่อเจาะแนวป้องกันและสร้างความเสียหายให้กับรถถังและยานเกราะ
ดังนั้น การที่กองทัพบกไทยมีการจัดตั้งหลักสูตรผู้บังคับ UAS โดยเฉพาะ ถือเป็นการก้าวตามโลกและยกระดับศักยภาพการป้องกันประเทศ
ขยายผลสู่การปฏิบัติภารกิจจริง
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนูได้เน้นย้ำว่า ความรู้และทักษะที่ได้รับจากการฝึกจะต้องถูกนำไป ประยุกต์ใช้ในสนามจริง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันชายแดน การปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การต่อต้านการก่อการร้าย หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ
UAS สามารถถูกใช้ได้อย่างหลากหลาย ทั้งการลาดตระเวน การชี้เป้าหมาย การส่งยุทธภัณฑ์ หรือแม้แต่การอพยพผู้ประสบภัย
เสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมของกองทัพบก
ท้ายที่สุด พ.อ.ณัฐกร ได้กล่าวย้ำว่า หลักสูตรนี้ถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพที่สำคัญให้กับกองทัพบกไทย เพราะในโลกยุคใหม่ สงครามไม่ได้วัดกันที่กำลังพลจำนวนมากเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการวัดกันที่ ความชาญฉลาดในการใช้เทคโนโลยี
“ภารกิจปกป้องผืนแผ่นดินไทย จำเป็นต้องใช้ทั้งหัวใจและสมอง เราต้องก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยี เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อใดก็ตามที่ชาติเรียกหา กำลังพลของเราจะพร้อมที่สุด”
บทสรุป
พิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการฝึกหลักสูตร UAS รุ่นที่ 6 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝึกทักษะใหม่ ๆ แต่ยังเป็นการ สืบสานเจตนารมณ์ผู้กล้า ที่สละชีพในหน้าที่ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกไทยในการพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล
การฝึก UAS Combat Drone Operator จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นการลงทุนในอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทุกรูปแบบได้อย่างมั่นใจ






















