เจาะประวัติ 9 ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนตัดสินชะตา นายกฯ แพทองธาร คดีคลิปเสียง
เปิดโฉม 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดชะตา “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย
วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เรียกประชุมเพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย โดยผู้ถูกพิจารณาคือ แพทองธาร ชินวัตร
การประชุมครั้งนี้เป็นที่จับตาของประชาชนและนักวิเคราะห์การเมืองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อ อนาคตทางการเมืองของประเทศ และสะท้อนถึงบทบาทของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการ ชี้ชะตาและรักษาความมั่นคงของรัฐ
องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน
องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันมีทั้งหมด 9 คน ทำหน้าที่พิจารณาและลงมติในคดีสำคัญ โดยมี ความหลากหลายทั้งด้านการศึกษา ประสบการณ์ และสายงานอาชีพ ซึ่งการรวมตัวของตุลาการทั้ง 9 ท่านนี้เป็นสิ่งที่สร้างสมดุลและความรอบคอบในการตัดสินคดี
การประชุมครั้งนี้จะครบองค์ประชุมในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ โดยทุกสายตาของสังคมจับจ้องไปยังการตัดสินชะตาของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย
ต่อไปนี้คือรายละเอียดของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นผู้ลงมติในคดีสำคัญครั้งนี้
1. ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ (ประธานศาลรัฐธรรมนูญ)
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์ อายุ 67 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2501 ศ.ดร.นครินทร์ เป็นอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบปริญญาเอกด้าน International Studies จาก Waseda University ประเทศญี่ปุ่น
ด้วยประสบการณ์ด้านการเมืองและรัฐศาสตร์ ทำให้ท่านมีความสามารถในการวิเคราะห์คดีเชิงกฎหมายและการเมืองอย่างลึกซึ้ง
2. นายปัญญา อุดชาชน (ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ)
ตุลาการวัย 69 ปี เกิด 15 เมษายน 2499 เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากสายราชการ มีประสบการณ์การทำงานระดับสูงในระบบราชการไทย โดยเคยดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกา ทำให้มีความรู้ด้านกฎหมายและนโยบายสาธารณะ พร้อมด้วยมุมมองเชิงสากล
3. นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม (ผู้พิพากษาศาลฎีกา)
ตุลาการวัย 71 ปี เกิด 22 พฤศจิกายน 2497 อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและนายทหารพระธรรมนูญ กองทัพเรือ มีประสบการณ์ทั้งในระบบศาลและการปฏิบัติราชการทหาร
สำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบ นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และผ่านการสอบ เนติบัณฑิตไทย รุ่นที่ 28
ด้วยประสบการณ์ยาวนานในระบบศาลฎีกา ท่านมีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านคดีอาญาและคดีแพ่ง รวมถึงการตีความรัฐธรรมนูญ
4. นายวิรุฬห์ แสงเทียน (ผู้พิพากษาศาลฎีกา)
ตุลาการวัย 74 ปี เกิด 27 พฤศจิกายน 2494 เป็นอดีตประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา สำเร็จการศึกษากฎหมายจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสอบผ่านเนติบัณฑิตไทย
ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์คดีที่มีผลกระทบต่อการบริหารรัฐ
5. นายจิรนิติ หะวานนท์ (ผู้พิพากษาศาลฎีกา)
ตุลาการวัย 72 ปี เกิด 14 กุมภาพันธ์ 2496 อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา จบปริญญาเอกจาก George Washington University และได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ความเชี่ยวชาญของท่านครอบคลุมทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา พร้อมประสบการณ์ระดับสูงในการจัดการคดีสำคัญของประเทศ
6. นายนภดล เทพพิทักษ์
ตุลาการวัย 69 ปี เกิด 3 ธันวาคม 2499 อดีตนักการทูตอาชีพและเอกอัครราชทูตหลายประเทศ จบปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Northern Illinois University
ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศและนโยบายต่างประเทศ ซึ่งเป็นมุมมองสำคัญสำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสถานการณ์ระหว่างประเทศ
7. นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ (ตุลาการศาลปกครองสูงสุด)
ตุลาการวัย 73 ปี เกิด 14 สิงหาคม 2495 อดีตตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด จบปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, นิติศาสตรบัณฑิต จุฬาฯ และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ท่านมีความชำนาญด้านกฎหมายปกครองและการบริหารราชการ ทำให้การตัดสินคดีมีความรอบคอบในแง่มุมการกำกับดูแลรัฐ
8. นายอุดม รัฐอมฤต
ตุลาการวัย 66 ปี เกิด 25 มิถุนายน 2502 อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายอาญาจาก มหาวิทยาลัย Nancy II ประเทศฝรั่งเศส
ท่านมีความรู้ด้านกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ ทำให้สามารถวิเคราะห์คดีที่มีประเด็นเกี่ยวกับอำนาจรัฐและสิทธิของประชาชนได้อย่างแม่นยำ
9. นายสุเมธ รอยกุลเจริญ
ตุลาการวัย 70 ปี เกิด 16 กันยายน 2498 อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด จบการศึกษาด้านกฎหมาย นิติศาสตรบัณฑิต, รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต และนิติศาสตรมหาบัณฑิต
ท่านมีประสบการณ์ทั้งด้านกฎหมายและการบริหารราชการ ทำให้สามารถพิจารณาคดีที่มีผลกระทบต่อรัฐและประชาชนได้รอบด้าน
ความหลากหลายขององค์คณะตุลาการ
องค์คณะตุลาการทั้ง 9 ท่านประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากสายวิชาการ, ตุลาการศาลฎีกา, ตุลาการศาลปกครอง และอดีตนักการทูต ซึ่งความหลากหลายนี้สะท้อนถึงความรอบคอบในการวินิจฉัยคดีสำคัญ
ทั้ง 9 ท่านต้องพิจารณาในประเด็นที่ละเอียดอ่อนและมีผลกระทบต่อ อนาคตรัฐบาลและความมั่นคงของประเทศ การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะกำหนดชะตาของแพทองธาร ชินวัตร แต่ยังเป็นตัวอย่างของ บทบาทตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการรักษาสมดุลอำนาจรัฐและความยุติธรรมในสังคมไทย
การจับตาของประชาชนและการเมือง
การประชุมครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็น คดีสำคัญระดับประเทศ การลงมติของตุลาการทั้ง 9 ท่านจึงถือเป็นเรื่องที่ มีผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลและทิศทางการเมืองไทยในอนาคต
ไม่เพียงแต่สังคมไทย แต่ผู้สังเกตการณ์การเมืองระหว่างประเทศก็จับตามองเหตุการณ์นี้ เนื่องจากสะท้อนถึง ความเป็นอิสระและความรอบคอบของตุลาการไทย
สรุป
การเปิดโฉม 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันอ่านคำวินิจฉัยคดีแพทองธาร ชินวัตร เป็นการยืนยันถึงบทบาทสำคัญของตุลาการในการ ชี้ชะตาอนาคตการเมืองของประเทศ
องค์คณะทั้ง 9 ท่านมีความหลากหลายทั้งด้านการศึกษา ประสบการณ์ และสายอาชีพ ทำให้สามารถพิจารณาคดีได้รอบด้าน ครบทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย ความมั่นคง และความยุติธรรม
การประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ สะท้อนถึงความเข้มแข็งของสถาบันตุลาการไทย และเป็นตัวอย่างของการรักษาสมดุลอำนาจรัฐในสังคมประชาธิปไตย
ประชาชนทั้งประเทศต่างจับตามองวันนี้ด้วยความสนใจและคาดหวังว่า การตัดสินใจของตุลาการทั้ง 9 ท่านจะเป็นไป อย่างยุติธรรมและรอบคอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ



















