โป๊ะแตก! ทหารกัมพูชาทำมือถือตก หลุดคลิปสาธิตทุ่นระเบิด PMN-2
กองทัพบกเปิดหลักฐานเด็ด! โทรศัพท์ทหารกัมพูชาเผยภาพ-วิดีโอการใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 เตรียมนำข้อมูลแจงเวทีโลก – สยบข้อครหา “ไทยจัดฉาก”
สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อกองทัพบกไทยออกมาเปิดเผย “หลักฐานชิ้นสำคัญ” ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชาโดยตรง หลักฐานดังกล่าวคือ โทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่เจ้าหน้าที่ไทยสามารถเก็บได้จากพื้นที่ชายแดน
กองทัพบกยืนยันว่า ข้อมูลภายในโทรศัพท์เครื่องนี้เป็น หลักฐานเชิงประจักษ์ ที่บ่งชี้ถึงการกระทำของทหารกัมพูชา ทั้งภาพถ่าย วิดีโอ และเอกสารรายงานบางส่วน ซึ่งไม่เพียงช่วยยืนยันว่า ไทยไม่ได้จัดฉากสร้างสถานการณ์ ตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยังสะท้อนถึงการละเมิดหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่อง การใช้อาวุธทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่ถูกห้ามใช้ตามสนธิสัญญาออตตาวา
จุดเริ่มต้นของประเด็น – ข้อกล่าวหาว่าไทย “จัดฉาก
ก่อนหน้านี้ ฝั่งกัมพูชาได้ออกมาโจมตีไทย โดยกล่าวหาว่ากองทัพไทยเป็นผู้สร้างสถานการณ์บริเวณชายแดนขึ้นมาเอง พร้อมระบุว่า ภาพและข้อมูลที่ฝ่ายไทยเผยแพร่ออกสู่สาธารณะนั้น “ถูกจัดฉาก” เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง
ข้อกล่าวหานี้ทำให้กองทัพบกไทยต้องออกมาตอบโต้ เพราะไม่เพียงกระทบต่อความน่าเชื่อถือในระดับประเทศ แต่ยังอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์บนเวทีระหว่างประเทศ ที่ไทยเป็นหนึ่งในภาคีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
เพื่อยืนยันความจริง กองทัพบกจึงนำหลักฐานสำคัญออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะผ่านเพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส”
โทรศัพท์มือถือ – หลักฐานที่กัมพูชาไม่อาจปฏิเสธ
กองทัพบกชี้ว่า โทรศัพท์มือถือที่เก็บได้นั้น เป็นของทหารกัมพูชารายหนึ่งอย่างชัดเจน โดยมี ข้อมูลส่วนบุคคลและ METADATA ที่สามารถตรวจสอบและเชื่อมโยงได้ตรงถึงเจ้าของที่แท้จริง
สิ่งที่พบในโทรศัพท์ มีดังนี้
ภาพถ่ายและวิดีโอ การสาธิตใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2
คลิปเสียง ที่บันทึกการปฏิบัติงานภายในฐานทหารกัมพูชา
ข้อความรายงาน เกี่ยวกับผลการขุด “หลุมขวาก” ในพื้นที่ชายแดน
ข้อมูลส่วนตัว ที่ยืนยันว่าโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของทหารกัมพูชาจริง ไม่ใช่ของบุคคลภายนอก
กองทัพบกเน้นย้ำว่า การตรวจสอบทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นข้อมูลจริง ไม่ใช่การสร้างขึ้นใหม่หรือการตัดต่อ
ทุ่นระเบิด PMN-2 – อาวุธต้องห้ามที่โลกจับตา
หนึ่งในหลักฐานที่สร้างแรงสะเทือนมากที่สุด คือ วิดีโอสาธิตการใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 ที่พบในโทรศัพท์เครื่องนี้
ทุ่นระเบิด PMN-2 มีลักษณะเป็นวงกลมแบน น้ำหนักประมาณ 200 กรัม ออกแบบมาเพื่อสังหารบุคคลโดยเฉพาะ เมื่อเหยียบลงไปจะทำให้ระเบิดทำงานและสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ร่างกาย
ประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งไทย ได้ลงนามและให้สัตยาบัน สนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการผลิต การสะสม การส่งออก และการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกรูปแบบ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ในช่วงสงคราม แต่ยังทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปอีกหลายสิบปี
การที่กองทัพบกไทยพบหลักฐานการใช้และการสาธิต PMN-2 ในโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา จึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง ที่อาจกลายเป็น หลักฐานชี้ชัดในการประชุมระหว่างประเทศ
คำอธิบายเรื่องเมนูภาษาไทย
หลังจากกองทัพบกเผยภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ตรวจสอบ หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมเมนูต่าง ๆ ในเครื่องจึงแสดงเป็น ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาเขมร
กองทัพบกได้ชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ไทยเก็บโทรศัพท์มาได้ ไม่สามารถอ่านภาษาเขมรได้ จึงได้ทำการเปลี่ยนการตั้งค่าภาษาในโทรศัพท์เป็นภาษาไทย เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและถอดข้อมูล ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติที่ไม่ส่งผลต่อ metadata หรือข้อมูลภายในที่เชื่อมโยงกับเจ้าของเครื่อง
กองทัพบกยัน – ไทยไม่ได้จัดฉาก
พลเอกออดดาวา และผู้แทนกองทัพบกได้ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้มีการจัดฉาก หลักฐานทุกชิ้นที่นำเสนอเป็นข้อมูลจริงที่ได้มาจากพื้นที่ปฏิบัติการ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
กองทัพบกระบุว่า การพยายามใส่ร้ายว่าไทยสร้างสถานการณ์นั้น เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในหลักฐาน
เตรียมนำหลักฐานแจงเวทีโลก
กองทัพบกไทยมีแผนที่จะนำหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะภาพถ่ายและวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือดังกล่าว ไปใช้ในการประชุม สนธิสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นเวทีนานาชาติว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
เป้าหมายสำคัญคือเพื่อยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้ละเมิดสนธิสัญญา และไม่ใช่ผู้สร้างสถานการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา แต่ในทางกลับกัน หลักฐานกลับสะท้อนว่ามีการปฏิบัติจากฝั่งกัมพูชา ที่ขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ
นัยทางการเมืองและความมั่นคง
การเปิดเผยหลักฐานครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอบโต้ข้อกล่าวหาของกัมพูชา แต่ยังมีนัยสำคัญทางการเมืองและความมั่นคงหลายด้าน
1. สร้างความน่าเชื่อถือให้ไทย – การนำเสนอหลักฐานที่ตรวจสอบได้ จะช่วยยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
2. กดดันกัมพูชา – หลักฐานจากโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา อาจทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องชี้แจงต่อประชาคมโลก ว่าเหตุใดจึงยังมีการใช้หรือฝึกการใช้ทุ่นระเบิดอยู่
3. ลดแรงกดดันในประเทศ – การสื่อสารเชิงรุกของกองทัพบกผ่านเพจเฟซบุ๊กและสื่อมวลชน ช่วยให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น และลดความคลางแคลงใจว่าฝ่ายไทยเป็นผู้จัดฉากจริงหรือไม่
สังคมไทย-นานาชาติจับตา
หลังจากที่กองทัพบกเปิดเผยหลักฐาน กระแสในโลกออนไลน์และสื่อมวลชนต่างจับตาอย่างใกล้ชิด หลายฝ่ายเชื่อว่าหลักฐานที่ไทยมีอยู่จะกลายเป็น “หมากตัวสำคัญ” บนโต๊ะเจรจาระหว่างประเทศ
ในระดับนานาชาติ หากข้อมูลที่ไทยนำเสนอได้รับการยอมรับ กัมพูชาอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา และอาจนำไปสู่แรงกดดันจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและภาคประชาสังคมทั่วโลก
สรุป
กรณีที่กองทัพบกไทยเปิดเผยหลักฐานจาก โทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และความอ่อนไหวของประเด็นชายแดน
หลักฐานที่พบ ทั้งภาพ วิดีโอ และข้อมูลการสาธิตการใช้ ทุ่นระเบิด PMN-2 ไม่เพียงยืนยันว่า ไทยไม่ได้จัดฉาก แต่ยังอาจกลายเป็นประเด็นใหญ่บนเวทีนานาชาติ ในการพิสูจน์ว่าฝ่ายใดกันแน่ที่ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ
ขณะนี้ สิ่งที่ต้องติดตามคือท่าทีของกัมพูชาในการตอบสนองต่อหลักฐานเหล่านี้ รวมถึงท่าทีของประชาคมโลกเมื่อไทยนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม สนธิสัญญาออตตาวา ในอนาคตอันใกล้










