ตำรวจเคลียร์ชัด เด็กกัมพูชาไม่ได้เข้าไทยตั้งแต่แบเบาะ แต่หนีมากับแม่ตอน 6 ขวบ
ผู้การสุรินทร์แจงปม เด็กชายกัมพูชาอายุ 13 ถูกจับคาโรงเรียน – ไม่ได้เข้ามาตั้งแต่แบเบาะ แต่ลักลอบเข้าไทยพร้อมแม่ตอน 6 ขวบ
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาแถลงชี้แจงกรณีที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับเด็กชายวัย 13 ปี ชาวกัมพูชา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ก่อนหน้านี้ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ว่า ลูกศิษย์ของตนถูกตำรวจจับกุมขณะกำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.1 พร้อมทั้งยืนยันว่าเด็กเข้ามาอยู่ประเทศไทยตั้งแต่วัยทารก ไม่เคยกลับไปกัมพูชา และไม่มีบ้านอยู่ที่นั่นอีกแล้ว จึงขอความเห็นใจจากสังคมในฐานะ “เพื่อนมนุษย์”
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจังหวัดสุรินทร์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งหมด และได้ออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน
ข้อเท็จจริงจากตำรวจ – เด็กชายไม่ได้เข้ามาตั้งแต่แบเบาะ
พล.ต.ต.สุคนธ์ ระบุว่า เด็กชายที่ถูกจับกุมคือ ด.ช.ตงเฮง ระเสมีย อายุ 13 ปี ชาวกัมพูชา โดยเข้ามาพร้อมกับมารดาคือ นางเซียบ ฟารม (SEAP PHAROM) อายุ 38 ปี ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้าแล้ว
ทั้งคู่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางเส้นทางธรรมชาติบริเวณชายแดนด้าน อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อราวปี 2561 ขณะนั้น ด.ช.ตงเฮงมีอายุประมาณ 6 ขวบ ไม่ใช่วัยทารกตามที่ถูกนำเสนอในโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้
หลังจากเข้ามา ทั้งสองได้มาอาศัยอยู่กับชายชาวไทยในพื้นที่บ้านโนนสังข์ ต.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาอย่างต่อเนื่อง
การศึกษาและชีวิตในโรงเรียน
แม้จะเป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ ด.ช.ตงเฮงก็สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนไทยได้ โดยเริ่มตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ โรงเรียนบ้านโนนสังข์ และเรียนจนจบชั้น ป.6
ต่อมาในปี 2568 ได้เข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนบัวเชดวิทยา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามการแจ้งเบาะแสของชาวบ้านในพื้นที่
เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสถกเถียงอย่างหนักในสังคม ระหว่างฝั่งที่มองว่าควรใช้ “กฎหมายอย่างเข้มงวด” กับบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้อง กับอีกฝ่ายที่มองว่าเด็กคนนี้ “เติบโตในสังคมไทย พูดภาษาไทย และมีความเป็นอยู่แบบเด็กไทยทั่วไป” จึงควรได้รับความเห็นใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
เบื้องหลังการจับกุม
พล.ต.ต.สุคนธ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เกิดจากการได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีบุคคลต่างด้าวอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านโนนสังข์ ต.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พำนักในราชอาณาจักร
หลังการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด ร่วมกับฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่และสามารถจับกุม นางเซียบ ฟารม และ ด.ช.ตงเฮง ได้เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 68 เวลา 07.40 น. ที่บริเวณถนนในหมู่บ้านโนนสังข์
ข้อกล่าวหาและการดำเนินการทางกฎหมาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็น “บุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้แจ้งสิทธิของผู้ถูกจับกุมตามกระบวนการ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและผลักดันออกนอกประเทศตามระเบียบต่อไป
กระแสสังคมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์
หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล โดยเฉพาะหลังครูของเด็กได้โพสต์เล่าเรื่องราว พร้อมทั้งยืนยันว่าเด็กเข้ามาตั้งแต่วัยทารก และไม่มีบ้านอยู่ในกัมพูชาแล้ว
โพสต์ดังกล่าวสร้างกระแสความเห็นใจจากประชาชนจำนวนมาก มองว่าเด็กไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แต่กลับต้องกลายเป็นผู้ต้องหาและเผชิญกับการผลักดันออกนอกประเทศ
อีกด้านหนึ่ง ก็มีเสียงจากชาวบ้านและผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน ที่เห็นว่าควรดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการปล่อยให้ต่างด้าวลักลอบเข้ามาโดยไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และระบบการศึกษาในระยะยาว
มุมมองด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
กรณีของ ด.ช.ตงเฮง เป็นตัวอย่างที่สะท้อนปัญหาซับซ้อนของ “เด็กไร้รัฐ” (stateless children) ซึ่งแม้จะเกิดในกัมพูชา แต่เข้ามาใช้ชีวิตและเรียนในประเทศไทยตั้งแต่วัยเยาว์
ตามหลักกฎหมายไทย เด็กที่ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ที่มีสัญชาติไทย และเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ไม่สามารถถือสัญชาติไทยได้ จึงเข้าข่ายบุคคลต่างด้าวที่อยู่โดยผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ที่ไทยเป็นภาคี กำหนดให้เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีสัญชาติใดก็ตาม ต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล และการคุ้มครองจากการละเมิด
นี่จึงทำให้กรณีนี้กลายเป็นประเด็นที่ซับซ้อนระหว่าง “การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด” กับ “การคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเด็ก”
การสื่อสารที่คลาดเคลื่อน
สิ่งที่ทำให้คดีนี้ถูกจับตามองอย่างหนักคือ การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ระหว่างครูผู้โพสต์และข้อเท็จจริงที่ตำรวจตรวจสอบได้ โดยครูยืนยันว่าเด็กเข้ามาตั้งแต่แบเบาะ แต่ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานว่าเข้ามาพร้อมแม่ตอนอายุ 6 ขวบ
ความคลาดเคลื่อนนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากสับสนและตั้งคำถามต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ว่ามีความยุติธรรมหรือไม่ อีกทั้งยังทำให้เกิดการแบ่งฝักฝ่ายในโลกออนไลน์
บทเรียนจากกรณี “ด.ช.ตงเฮง”
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาบุคคลไร้สัญชาติและแรงงานข้ามชาติไม่ได้เป็นเพียงประเด็นทางกฎหมาย แต่ยังเกี่ยวพันกับมิติทางสังคม มนุษยธรรม และการศึกษาอย่างลึกซึ้ง
1. ด้านกฎหมาย – ประเทศไทยจำเป็นต้องควบคุมและจัดการการลักลอบเข้าเมืองอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความมั่นคงและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศ
2. ด้านมนุษยธรรม – เด็กไม่ควรถูกปฏิบัติราวกับเป็นอาชญากร เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นผู้เลือกเส้นทางชีวิต แต่ควรได้รับการคุ้มครองตามสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
3. ด้านสังคมและการศึกษา – เด็กต่างด้าวจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตและเติบโตในประเทศไทย หากไม่มีระบบจัดการที่เหมาะสม อาจกลายเป็นปัญหาสังคมระยะยาว
สรุป
คดีของ ด.ช.ตงเฮง ระเสมีย วัย 13 ปี ชาวกัมพูชา ไม่ได้เป็นเพียงกรณีของ “บุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง” เท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาที่ซับซ้อนของระบบการจัดการแรงงานและบุคคลไร้สัญชาติในประเทศไทย
ตำรวจยืนยันข้อเท็จจริงว่า เด็กไม่ได้เข้ามาตั้งแต่แบเบาะ แต่เข้ามาพร้อมแม่ตอนอายุ 6 ขวบ และต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สังคมยังคงตั้งคำถามว่า จะมีวิธีใดที่สามารถรักษาสมดุลระหว่าง “การบังคับใช้กฎหมาย” และ “การคุ้มครองสิทธิเด็ก” ได้อย่างยั่งยืน
นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของเด็กชายคนหนึ่ง แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ประเทศไทยต้องหาคำตอบ เพื่อให้กฎหมายเดินคู่ไปกับความเป็นมนุษย์ได้อย่างสมดุล
หนังกลางแปลงในความทรงจำ กับการดูหนังสร้างรายได้ในโลกออนไลน์
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีกำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม โดยมีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์กว่า 100 คน คาดว่าฮอยอันและดานังจะประสบกับน้ำท่วมอีกครั้ง
แร่เงิน อะไรคือปัจจัยส่งผลต่อราคาขึ้น หรือลง? เจาะลึกกลไกตลาดและโอกาสลงทุน
วิดีโอ/เสียชีวิต 48 ราย! ไต้ฝุ่นถล่มเซบู ฟิลิปปินส์ ก่อนน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์และวิกฤต
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
#ทายนิสัยจากกาแฟ: เดือนเกิดคุณเปรียบเหมือนกาแฟแก้วไหน? ทายบุคลิก ความรัก และการเงินจากเครื่องดื่มแก้วโปรด
เดือด! อดีตมิสยูนิเวิร์ส 1996 ชาวเวเนซุเอลา เหยียดไทย-เอเชีย เจอทั้งภูมิภาคสวนกลับยับ
นักดำน้ำฝ่าน้ำเชี่ยว งมหาโทรศัพท์นศ.สาวตกทะเลคืนลอยกระทง
"อนุทิน" ถูกแซวในงาน "ลอยกระทง" ลืมรูปซิปกางเกง..เจ้าตัวสวนกลับสุดฮา "ไม่มีออกมาเพ่นพ่านแน่นอนครับ"
👑#คำสั่ง Gemini สร้างภาพถวายความอาลัย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ซูเปอร์ฟูลมูน” คืนลอยกระทง ทำน้ำทะเลหนุนเอ่อท่วมเขื่อนหน้าเมือง
สาววัย 24 ปี พกเงินหมื่นเที่ยวงานลอยกระทงที่กระบี่ หล่นหายแต่ได้คืน
"อนุทิน" ถูกแซวในงาน "ลอยกระทง" ลืมรูปซิปกางเกง..เจ้าตัวสวนกลับสุดฮา "ไม่มีออกมาเพ่นพ่านแน่นอนครับ"
วิดีโอ/เสียชีวิต 48 ราย! ไต้ฝุ่นถล่มเซบู ฟิลิปปินส์ ก่อนน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์และวิกฤต
🔥 ๒๑ ประเภทเปรตวิสัย: สิ่งที่พระโมคคัลลานะเห็นด้วยญาณ
“26 เลนยังไม่พอ!” เปิดภาพการจราจรสุดอลหม่านในกรุงนิวเดลี ถนน NH-8 แน่นขนัดจนรถแทบไม่ขยับ
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ปล่อยโฮกลางงานแถลงข่าว เผยความอัดอั้น ถูกหักหลัง-ลดบทบาทในเวทีนางงามจักรวาล
สื่ออินเดีย ฟาด..'น้ำตาจระเข้'ไม่มีคนเชื่อหรอก
รองฯ ปรินดา ร่วม “ดำนา โยนกล้า หว่านข้าว ปีที่ 4” บ้านป่าชิง ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีชีวิตและการพึ่งพาตนเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร
วิดีโอ/เสียชีวิต 48 ราย! ไต้ฝุ่นถล่มเซบู ฟิลิปปินส์ ก่อนน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์และวิกฤต
ผบก.ตม.6 ลงพื้นที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ หาแนวทางในการเปิดใช้งาน Perlis Iืland Port หลังจากมาเลเซียเปิดเป็นจุดผ่านแดนสำหรับรถบรรทุกสินค้าแห่งใหม่ ต้องใช้หนังสือเดินทางพาสปอร์ต (Passport)
พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีกำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม โดยมีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์กว่า 100 คน คาดว่าฮอยอันและดานังจะประสบกับน้ำท่วมอีกครั้ง
