บิ๊กเต่า แฉ! อลงกต วงแตก ปมหลายเมีย กิ๊กใหม่เป็นนาตาชา
เบื้องลึกคดีวัดพระบาทน้ำพุ “บิ๊กเต่า” เผยสาเหตุแท้จริง เกี่ยวกับความหึงหวงและทรัพย์สินวัด
คดีทุจริตและการยักยอกเงินบริจาคที่วัดพระบาทน้ำพุ กลายเป็นข่าวใหญ่ในสังคมไทย โดยล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) หรือที่หลายคนเรียกว่า “บิ๊กเต่า” ได้เปิดเผยเบื้องลึกของเรื่องนี้ผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ทำให้ประชาชนได้ทราบถึง สาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัดพระบาทน้ำพุ
วัดพระบาทน้ำพุเป็นวัดชื่อดังในจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้รับบริจาคจำนวนมากจากประชาชนเพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยและกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรื่องราวของวัดกลับกลายเป็น ข่าวฉาวที่มีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องหลายราย
อดีตเจ้าอาวาส หลวงพ่ออลงกต ถูกดำเนินคดีหลายฐาน เช่น ทุจริตยักยอกเงินบริจาค ฟอกเงิน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างมิชอบ ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยว่าทำไมวัดที่ควรเป็นแหล่งบุญและความสงบ กลับกลายเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
“สาเหตุแท้จริง” มาจากความหึงหวง
จากการเปิดเผยของบิ๊กเต่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงเรื่องเงิน แต่เกิดจาก ความหึงหวงภายในวัดเอง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจาก เรื่องหึงหวง เนื่องจากอดีตเจ้าอาวาสมีภรรยาหลายคน และคาดว่ามี ‘กิ๊กใหม่’ ที่ทำให้เกิดความหึงหวงจนเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดโปงออกมา”
นี่เป็นการตีความใหม่ของคดีวัดพระบาทน้ำพุ เพราะก่อนหน้านี้สังคมส่วนใหญ่คิดว่าปัญหาหลักมาจากการทุจริตเงินบริจาคเพียงอย่างเดียว แต่บิ๊กเต่าเผยว่า ปัญหาความสัมพันธ์ส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส มีผลทำให้ความวุ่นวายทางการเงินถูกเปิดเผยออกมา
คำเตือนถึงผู้ถือครองทรัพย์สินวัด
นอกจากการเปิดเผยสาเหตุเบื้องลึกแล้ว บิ๊กเต่ายังออก คำเตือนต่อบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของวัด โดยเฉพาะผู้ที่ถือครองทรัพย์สินวัดและยังไม่ได้ส่งคืนจำนวนมาก
“เตือนคนที่ถือครองทรัพย์สินวัด เรารู้หมดว่าที่ดินอยู่กับใครบ้าง ใครโกงไป ตอนนี้มีคนยังไม่คืนจำนวนมาก จ่อตั้งข้อหาฟอกเงิน ซึ่งไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ ถ้าไม่เจตนา ก็รีบเข้ามาพบเจ้าหน้าที่โดยด่วน เรายังให้ความเป็นธรรม แต่ถ้ามีเจตนาไม่คืนก็เตรียมบังคับใช้กฎหมาย”
คำเตือนนี้สะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจมีข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับการถือครองทรัพย์สินของวัด และพร้อมดำเนินคดีทันที หากพบว่ามีเจตนาไม่คืน
ปัญหาทรัพย์สินและการฟอกเงิน
คดีวัดพระบาทน้ำพุไม่ใช่เพียงเรื่องของการหึงหวงหรือปัญหาครอบครัวภายในวัดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ การจัดการทรัพย์สินและเงินบริจาคของวัด ซึ่งมีข้อสงสัยว่า เงินและทรัพย์สินบางส่วนถูกนำไปใช้โดยไม่ถูกต้อง
การถือครองทรัพย์สินวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการไม่ส่งคืนตามกฎหมาย อาจนำไปสู่ ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินและการยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษร้ายแรง
บิ๊กเต่าเน้นย้ำว่า ผู้ถือครองทรัพย์สินวัดควร มาติดต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็ว เพื่อแสดงเจตนาที่ดี และหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีในอนาคต
ผลกระทบต่อสังคมและภาพลักษณ์ของวัด
เรื่องราวนี้ส่งผลกระทบต่อทั้ง ชื่อเสียงของวัด และ ความเชื่อมั่นของประชาชน การที่วัดพระบาทน้ำพุกลายเป็นศูนย์กลางข่าวฉาวทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เงินบริจาคที่ประชาชนมอบให้ถูกใช้อย่างโปร่งใสหรือไม่
นอกจากนี้ การเปิดโปงเรื่องภายในของอดีตเจ้าอาวาส ยิ่งทำให้เรื่องราวดู ซับซ้อนและมีหลายมิติ ทั้งด้านครอบครัว การเงิน และกฎหมาย
กระบวนการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย
บิ๊กเต่าชี้แจงว่า ตำรวจมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ตั้งแต่การสืบสวนทรัพย์สินที่ถือครองโดยบุคคลต่าง ๆ ไปจนถึงการสอบสวนอดีตเจ้าอาวาสและผู้เกี่ยวข้อง
ผู้ที่ถือครองทรัพย์สินวัดโดยเจตนาไม่คืน อาจถูกดำเนินคดีในข้อหา ฟอกเงินและยักยอกทรัพย์ ซึ่งกฎหมายจะบังคับใช้อย่างเข้มงวด
สำหรับผู้ที่ไม่มีเจตนาไม่คืน ก็ยังมีโอกาส เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และสามารถคืนทรัพย์สินได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี
บทเรียนจากคดีวัดพระบาทน้ำพุ
เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้บริหารวัดสามารถส่งผลต่อการบริหารเงินและทรัพย์สินได้ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความสำคัญของ
1. ความโปร่งใสในการบริหารเงินบริจาค – การมีระบบตรวจสอบและควบคุมทรัพย์สินอย่างชัดเจน
2. การจัดการความขัดแย้งภายในองค์กร – การแก้ปัญหาภายในต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่ให้กระทบต่อสาธารณะ
3. การปฏิบัติตามกฎหมาย – ผู้ถือครองทรัพย์สินหรือเงินบริจาคต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ทำจะมีผลทางกฎหมายตามมา
ข้อสรุป
คดีวัดพระบาทน้ำพุไม่ใช่เรื่องง่ายและซับซ้อนอย่างที่คิด ทั้ง เรื่องครอบครัว ความรัก ความหึงหวง และการเงิน ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
การเปิดเผยของ บิ๊กเต่า ทำให้ประชาชนเข้าใจบริบทมากขึ้น และทราบถึง มาตรการที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินวัดคืนทรัพย์สินอย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงการดำเนินคดี
คดีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก วัดพระบาทน้ำพุเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคจำนวนมาก ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องจะเป็นตัวชี้วัดว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร และจะสร้างมาตรฐานในการบริหารวัดและการตรวจสอบเงินบริจาคในประเทศไทยอย่างไรต่อไป






